เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับปธน.เยอรมนี ชูแลนด์บริดจ์ยกระดับโลจิสติกส์

โดย nutda_t

25 ม.ค. 2567

105 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนี ร่วมกันแถลงข่าวผลการหารือของทั้งสองฝ่าย

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสให้การต้อนรับ ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและภริยา ระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเยือนครั้งนี้ เป็นการเยือนของประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีครั้งแรกในรอบ 22 ปี ตั้งแต่เยือนปี 2545 ประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ยาวนานถึง 162 ปี โดยเยอรมนีเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยในสหภาพยุโรปและไทยเป็นคู่ค้า อันดับที่ 3 ของเยอรมนีในอาเซียน ทั้งสองประเทศจึงเป็นพันธมิตรที่เกื้อกูลกันและกันมาตลอด วันนี้ ไทยและเยอรมนี ต่างเห็นพ้องต่อการกำหนดเป้าหมายในการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้หารือกับประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือไทย-เยอรมนี ในด้านความยั่งยืน การรับมือกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065 โดยเยอรมนีพร้อมให้การสนับสนุนไทยด้านเทคโนโลยีการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าเป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2040 รวมถึงขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเยอรมนีในไทยเพื่อให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ เยอรมนีจะส่งเสริมการทำการเกษตรแบบยั่งยืนที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทยอย่างต่อเนื่องและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5  

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้นำคณะภาคเอกชนเยอรมนีร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย ซึ่งได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยและโอกาสใหม่ ๆ สำหรับภาคเอกชนเยอรมนีหลังจากที่ไทยกับสหภาพยุโรปสามารถบรรลุการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีได้สำเร็จ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งโครงการ Landbridge และโครงการยกระดับการขนส่งระบบรางและโลจิสติกส์ของไทย การส่งเสริม Ease of Doing Business รวมทั้งการสร้างทรัพยากรมนุษย์ โดยการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างกัน ในโอกาสนี้ ภาคเอกชนเยอรมนีได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาประกอบการในไทยในด้านงานสินค้านานาชาติและการรีไซเคิลและการผลิตเม็ดพลาสติกจากขยะ

นอกจากนี้ ภาคเอกชนดังกลุ่มนี้ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของภาคเอกชนเยอรมนีในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลจะนำไปพิจารณาเพื่อดึงดูดการลงทุนจากเยอรมนีต่อไป และอีกประเด็นสำคัญที่ตนได้หารือกับประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี คือการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและเยอรมัน เดินทางไปมาหาสู่กันได้ง่ายขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน โดยปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเดินทางมาไทยประมาณ 7 แสนคน ทั้งนี้ ชาวเยอรมันได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา 30 วันอยู่แล้ว จึงได้ขอให้ฝ่ายเยอรมนีสนับสนุนไทยให้สามารถบรรลุการเจรจากับสหภาพยุโรป เพื่อขอยกเว้นตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้าเขตเชงเกนด้วย

ส่วนในช่วงเย็นวันนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา มีกำหนดเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

สำหรับพรุ่งนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จะเดินทางไป จ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำไฮบริดที่เขื่อนสิรินธร ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก และโครงการเกษตรยั่งยืนที่เป็นความร่วมมือระหว่างเยอรมนีกับไทย รวมทั้งเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างไทยกับเยอรมนี ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะในด้านยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด เศรษฐกิจหมุนเวียน และความร่วมมือในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ประเทศไทยกับเยอรมนี มีความร่วมมือในทุกมิติที่แน่นแฟ้นมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามีกำหนดที่จะเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็นทางการ ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เพื่อสานต่อและผลักดันความร่วมมือระหว่างกัน อันจะนำไปสู่การสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันต่อไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ได้ถามถึงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไรโดยเฉพาะกับเยอรมนี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่ประจักษ์ดีว่า การที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 4 เดือน ได้มีการเดินทางไปต่างประเทศเยอะ และอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้เดินทางไปที่ดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งได้เจอกับนักธุรกิจชั้นนำทั่วโลก รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบลเยียมและสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงสภาพอียูด้วย เราประกาศชัดเจนว่าประเทศเราเปิดแล้วสำหรับการทำธุรกิจ และเดือนมีนาคมจะเดินทางไปเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อทวิภาคีกับรัฐบาลอีกครั้ง


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งตลอดเวลา 4 เดือน ที่มาบริหารประเทศ ตนเชื่อว่าทุกท่านเห็นอยู่แล้วเรื่องของความสงบ และการให้สิทธิเสรีภาพที่เหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งมีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศชัดเจนว่า 4 เดือนที่ผ่านมาเราได้เดินทางไปทั่วโลก และจุดยืนด้านการเมืองเราเป็นประเทศที่ยึดมั่นอยู่กับความเป็นกลาง ไม่ได้อยู่บนส่วนไหนของความขัดแย้ง เพราะเราเชื่อในเรื่องของความบริสุทธิ์และประชาชนคนไทยที่อยู่ในต่างแดนต้องถูกดูแลอย่างดี


ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามอีกว่าในกรณีที่บริษัทต้องการกระจายซัพพลายจีนมาจากประเทศจีน มาที่ตะวันออกเฉียงใต้หรือเวียดนาม จะได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ ไทยมีแนวทางอย่างไร ที่จะดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในประเทศไทย และอยากถามประธานาธิบดีว่า เห็นศักยภาพในการลงทุนประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตัวเลือกจากประเทศจีนอย่างไรบ้างในมุมมองของเยอรมัน

นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงโอกาสในการลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิตในฐานการลงทุนจากเวียดนาม ซึ่งไม่แน่ใจในเรื่องของตัวเลข แต่ไทยได้ประโยชน์จากการย้ายฐานนี้เช่นกัน ซึ่งมีโรงงานจำนวนหนึ่งในเวียดนาม ที่จะเคลื่อนย้ายมาสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีบริษัทเทคโนโลยีต่างๆจากอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Google หรือบริษัทรายใหญ่ที่ย้ายมาอยู่ในประเทศไทย

ซึ่งในการหารือกับประธานาธิบดีเยอรมันนี ได้มีการพูดคุยถึงพลังงานสะอาด ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะดึงดูดให้บริษัทใหญ่ๆมาลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ภูมิภาคอาเซียนไทยก็ให้ความสำคัญกับพื้นที่การลงทุน และมีแผนที่ชัดเจนในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บีโอไอ ดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆให้กับนักลงทุนต่างชาติ และแรงงานที่มีฝีมือ เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของไทยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้ ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ทั้งระบบดูแลสุขภาพของเราอยู่ในระดับโลก จึงเป็นจุดน่าดึงดูดให้นักธุรกิจย้ายมาอยู่นำครอบครัวมาด้วย

ด้าน ประธานาธิบดีเยอรมัน กล่าวเสริมถึงโอกาสการลงทุนในไทยว่า เวียดนามและไทย เป็นประเทศที่น่าดึงดูด สำหรับนักลงทุนซึ่งจากการหารือไทยมีข้อได้เปรียบ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และไทยยังมีความสนใจ ให้การสนับสนุนความร่วมมือทางการค้า บริษัทต่างๆที่มาจากสหภาพยุโรปและเยอรมัน โดยจะเห็นได้จากนโยบายและข้อบังคับต่างๆที่เอื้อประโยชน์ในการทำการค้า ที่จะทำให้ร่วมมือกันได้

คุณอาจสนใจ

Related News