นายกฯลงพื้นที่ 'แลนด์บริดจ์' จ.ระนอง ก่อนประชุมครม.สัญจร ยันรับฟังความเห็นทุกฝ่าย

ความเคลื่อนไหวการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดระนอง วันนี้  (22 ม.ค. 67) นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการแลนด์บริดจ์เป็นครั้งแรก โดยได้ยืนยันว่า จะเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาประเทศ และยินดีรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่ โดยได้รับหนังสือกับเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยโครงการแลนด์บริดจ์ ก่อนจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค. 67)



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามโครงการแลนด์บริดจ์ ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. นำเสนอโครงการ ซึ่งมองจากจุดนี้จะเห็นจุดก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกบริเวณอ่าวอ่าง ซึ่งจะมีการขุด Approch channel ทางเดินเรือ ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร ขุดทะเลลึก 9 เมตร ให้เรือเดินสมุทร สามาถขนตู้คอนเทนเนอร์ 1 หมื่นตู้ขึ้นไป โดยทรายที่ขุดจะนำมาถมเป็นท่าเรือ เชื่อมต่อบนสั่ง ที่จะสร้างมอเตอร์เวย์และรถไฟรางคู่ เชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกฝั่งแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ขนส่งสินค้าเชื่อมฝั่งอันดามันและอ่าวไทย รองรับตู้ขนส่งสินค้าได้ 20 ล้านตู้ โดยจุดนี้ห่างจากเกาะพยาม ประมาณ 3 กิโลเมตร



นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่จริงที่จะก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ซึ่งจะมีการสร้างตอม่อเป็นสะพานให้เรือประมงสามารถทำการประมงได้ และยอมรับว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลจะต้องรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ อย่างเช่นโครงการสนามบินสุวรรณภูมิหรือสนามบินหนองงูเห่า ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อกว่า 20 ปีก่อนก็มีเสียงคัดค้านแต่ปัจจุบันก็ได้ประโยชน์ รวมถึงการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ก็ต้องศึกษาไม่ให้กระทบ และชี้แจงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับให้ประชาชนเข้าใจด้วย



นายกรัฐมนตรียังได้รับหนังสือจากเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น ที่ขอให้เร่งรัดการให้สัญชาติกับคนไทยพลัดถิ่นที่ยังตกค้างจำนวนมาก และยังเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะอยู่ใกล้จุดสร้างท่าเรือ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพร้อมรับฟังเสียงของคนในพื้นที่



ข่าว 3 มิติ ยังได้ลงพื้นที่สำรวจผลกระทบโครงการแลนด์บริดจ์ที่เกาะพยาม ซึ่งเป็นเกาะชื่อดัง มัลดีฟส์เมืองไทย และตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือแลนด์บริดจ์ไม่ถึง 3 กิโลเมตร



จากจุดนี้มองเห็นที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกโครงการแลนด์บริดจ์ ที่ชาวเกาะพยาม เป็นห่วงว่า จะทำลายการท่องเที่ยวของเกาะพยาม ซึ่งสร้างรายได้ให้กับชุมชน และจะกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะการขุดทะเลจะทำลายปะการัง และอาจส่งผลกระทบกับให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงคราบน้ำมัน จึงอยากให้มีการศึกษาผลกระทบให้รอบด้านเสียก่อน เพราะหากมีท่าเรือเกิดขึ้น วิวที่สวยงามก็เปลี่ยนไปเป็นท่าเรือแทน



ชุมชนเกาะพยาม ยังเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชายหาดและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่อ่าวใหญ่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน และมีการเล่นกีฬาทางน้ำ หากมีการขุดร่องน้ำของท่าเรือ อาจทำให้เกิดผลกระทบกับการกัดเซาะชายฝั่งด้วย จึงอยากให้รัฐบาล ลงพื้นที่ศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผลกระทบกับการท่องเที่ยว ให้เหมาะสมกับความต้องการในพื้นที่