มอบตัวแล้ว3 เหลืออีก2 อยู่ต่างประเทศ 5ผู้ต้องหาเอี่ยวคดีส่งออกตีนไก่สวมสิทธิ์

วันที่ 16 ม.ค. 2567 ทีมข่าวตรวจสอบ คดีตีนไก่สวมสิทธิ์ ที่มีการลักลอบนำเข้าตีนไก่ และแพคใหม่เพื่อส่งออก พบว่ามีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 5 คน เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย 1.นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย (หลบหนี) 2.นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายของเฮียเก้า (หลบหนี)

3.นายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (จับแล้ว) 4.นายหยาง ยา ซุง (จับแล้ว) 5.นางสาวนวพร เชาว์วัย ภรรยานายหยาง (จับแล้ว) ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

หลังจากที่พนักงานสอบสวนคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนพบความเชื่อมโยงจากผู้ต้องหาที่เป็นบริษัทชิปปิ้งในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ว่ามีอย่างน้อย 3 บริษัท จาก 9 บริษัท ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการตีนไก่สวมสิทธิ์ของบริษัทเฮียเก้าและบริษัทนายหยาง ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้าตีนไก่เถื่อน แล้วทำการเปลี่ยนแพคเกจจิ้ง ใส่ฉลากภาษาไทย สวมสิทธิ์ส่งออกไปขายที่ประเทศจีน โดยบริษัทของนายหยาง เป็นคู่แข่งทางการค้ากับบริษัทเฮียเก้าในธุรกิจนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 ม.คใ 2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้น 5 เป้าหมาย เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับแต่ไม่พบตัว เนื่องจากทั้งหมดเดินทางไปต่างประเทศ จากนั้นวันที่ 15 ม.ค.2567 ช่วงเช้า นายหยาง และน.ส.นวพร ได้เดินทางกลับจากประเทศไต้หวัน และเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้ให้ปากคำ ก่อนจะยื่นขอประกันตัวไปด้วยเงินสด 2 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขกำหนด ห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสมเกียรติ ได้เดินทางกลับจากมาเก๊า และเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งนายสมเกียรติ ไม่ประสงค์ให้การใดๆ แต่จะขอไปรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงภายหลังอย่างเร็วที่สุด ก่อนจะยื่นประกันตัวไปด้วยเงินสด 2 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขกำหนด ห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เช่นกัน

ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ เฮียเก้า และนายกรินทร์ ขณะนี้ยังคงอยู่ที่ต่างประเทศ โดยจากการให้ข้อมูลของครอบครัวบอกว่า เฮียเก้าเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ประเทศจีน ส่วนนายกรินทร์เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ประเทศฮ่องกง