นายกฯ ยันปีหน้ายังทำงานหนักเหมือนเดิม เตรียมพร้อมศึกอภิปรายงบฯ ปี 67

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริายก เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 ที่พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพร ขอให้มีความสุข ขณะเดียวกัน ท่านมีความเป็นห่วงเรื่องบ้านเมืองมากกว่า พร้อมสอบถามมีปัญหาอะไรหรือไม่

ส่วนความคาดหวังของนายกรัฐมนตรีในปี 2567 ซึ่งเป็นปีงูใหญ่ หรือปีมังกรทองของคนจีน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูที่ประชาชนเป็นหลัก สถาบันในการดูแล 3 สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูทุกมิติไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจปากท้องอย่างเดียว เสรีภาพสิทธิ อาชีพเลือกเพศสภาพ รวมถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ยืนยันสิ่งที่ตั้งใจคือการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทุกมิติ อย่างที่บอก ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัญหาของประชาชนรายละเอียดที่แตกต่างกันไป อะไรทำได้ทำก่อนในเรื่องของการปรับโครงสร้าง หลายเรื่องเป็นภารกิจที่เยอะและใหญ่

ส่วนปีนี้ นายกรัฐมนตรี จะต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขอใช้คำว่าทำงานหนักเหมือนเดิมดีกว่า ซึ่งสิ่งที่ทำมา เชื่อว่าที่ผ่านมาทุกคนเชื่อว่าทำงานเต็มที่อยู่แล้ว รวมถึงรัฐมนตรีทุกท่าน ก็ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 3-5 มกราคมนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีการประชุมมาแล้วก่อนปีใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอร่างกฎหมาย ส่วนสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ตรวจสอบ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะต้องอธิบายชี้แจงการจัดสรรงบประมาณ

ส่วนห่วงหรือไม่ว่า เวทีพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณจะเป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าสภาผู้แทนราษฎรทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ในการพิจารณางบประมาณ และหากมีข้อกังขาที่มันชัดเจน รัฐบาลพร้อมชี้แจงเต็มที่ต่อสภาผ่านไปยังประชาชนทุกคน โดยนายกรัฐมนตรี จะกล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลในการจัดทำร่างกฎหมายราวครึ่งชั่วโมง

สำหรับการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ต้องกำชับป้องกันปัญหาการเรียกรับทรัพย์ แลกการอนุมัติงบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เคยรับทราบในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ทราบมา เชื่อว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีและทราบดี และเชื่อว่าไม่มีใครรับได้กับเรื่องดังกล่าว เชื่อทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ก่อนจะทิ้งท้ายว่าไม่จำเป็นจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี เพราะทุกคนมีหน้าที่และต้องชี้แจงกันไป

"ทุกคนมีหน้าที่ชี้แจงกันไป สภาก็มีหน้าที่ของสภา ด้วยความเป็นห่วง ส่วนหน้าที่เราผู้บริหารก็จะต้องชี้แจง"

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่าทางกฤษฎีกา ยังไม่ได้แจ้งความคืบหน้า หรือความเห็นเรื่องร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะต้องเปิดในสัปดาห์หน้าถึงจะทราบ ซึ่งไม่ได้มีการเร่งรัดอะไร

ส่วนการนอนค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามฤกษ์ นอนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม เป็นต้นไป แต่ช่วงแรกอาจจะมีฟันหลอบ้าง เพราะบางวันอาจจะนอนค้างไม่ได้ แต่ในวันที่ 7 มกราคมนี้ ยังนอนไม่ได้ เพราะวันที่ 8 มกราคม มีภารกิจลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด