สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 26 ธ.ค.66 ศาลนัดชี้ขาดก้าวไกล-ฝนถล่มภาคใต้-เด็กเช็ดกระจกทุบรถนักร้องดัง

โดย thichaphat_d

26 ธ.ค. 2566

46 views

1.ฝนถล่มนราธิวาส หนักสุดในรอบ 50 ปี เร่งอพยพชาวบ้าน

2.ยะลา น้ำท่วมหนักในรอบ 50 ปี 7 อำเภอวิกฤต

3.พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ หมวดอี๊ด เหยื่อทาสยาบ้า

4.คนไข้หัวร้อน ตบบ้องหูผู้ช่วยพยาบาล หน้าห้องฉุกเฉิน

5.แม่เดือด ลูกชายเที่ยวผับกับเพื่อน ถูกการ์ดรุมกระทืบ เหตุเพราะเข้าห้องน้ำ 2 คน

6.เจอตัวแล้ว เด็กเช็ดกระจกทุบรถนักร้องดังกลางแยกอโศก

7.ผู้การแต้มลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด หมิ่นประมาท ลั่นไม่รับคำขอโทษ



เรื่องเล่าการเมือง

- ศาล รธน. นัดชี้ขาด คดีก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง 31 ม.ค.67


ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.66) คือ ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีที่พรรคก้าวไกลถูกร้องว่ามีการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง กรณีเสนอแก้ไขกฎหมายยกเลิก ม.112 และสุดท้าย ศาลนัดตัดสินคดี วันที่ 31 มกราคม

ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย "การกระทำ" ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

โดยทางพรรคก้าวไกลส่งพยานมาให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวน 2 ปาก คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรค เป็นการตอบข้อซักถามของศาลและของคู่กรณี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งนัดแถลงการณ์ด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติคดีนี้ ในวันพุธที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 09.30 น.  และนัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 14.00 น.

ถือเป็นอีกวันที่พรรคก้าวไกลต้องลุ้นระทึก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลนัดวินิจฉัยคดีนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี ในวันที่ 24 มกราคม



-ชัยธวัช – พิธา มั่นใจ แก้ ม.112 ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง

ขณะที่ทั้งนาชัยธวัช และนายพิธา แสดงความมั่นใจว่า การเสนอแก้มาตรา 112 ไม่มีทางนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ และ พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคแรกที่เสนอแก้มาตรา 112

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวน ว่า การไต่สวนผ่านไปได้ด้วยดี ยังมั่นใจ ทั้งด้วยข้อเท็จจริงของกฎหมาย และเจตนาว่าไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง

เพราะการเสนอร่างกฎหมายไม่ว่ากฎหมายอะไรไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างระบบการปกครองได้ เนื่องจากกระบวนพิจารณาต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ของสภา และยังมีกระบวนการการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งก่อนและหลังประกาศใช้ จึงไม่มีทางที่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้

ขณะที่นายพิธา ก็ยืนยันความมั่นใจหลังการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ โดยบอกว่า มั่นใจว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลดำเนินการเป็นพรรคแรก นอกจากนี้ในช่วงการหาเสียง ตนก็ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯคนเดียว ที่แสดงความเห็นเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ยืนยันเป็นกระบวนการทางนิติบัญญัติ ไม่ได้มีเจตนาหรือการกระทำใดที่จะเป็นการล้มล้างการปกครอง

นายพิธา ปฏิเสธที่จะประเมินว่า มั่นใจกี่เปอร์เซ็นว่าจะได้กลับมาทำหน้าที่ สส. เพียงแต่บอกว่าพอใจกับการชี้แจง ซึ่งได้ทำเต็มที่แล้ว โดยจะรอคำพิพากษาทั้ง 2 คำร้องในวันที่ 24 มกราคมและวันที่ 31 มกราคม 2567

ไม่ว่าผลวินิจฉัยคดีโดยศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร ก็ยังคงทำงานกับพรรคก้าวไกลต่อไป ส่วนหากผลวินิจฉัยเป็นคุณจะได้กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ต้องรอความชัดเจนในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ช่วงเดือนเมษายน 2567 แต่ยืนยันไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง

ขณะที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้อง เปิดเผยว่า จากการไต่สวนในวันนี้ไม่มีสิ่งใดที่ติดค้างใจ ตอนนี้ก็รอคำวินิจฉัย ซึ่งคำร้องของตน ไม่ได้ร้องถึงขั้นยุบพรรค แต่ร้องให้หยุดการกระทำที่เป็นการก้าวล่วงถึงสถาบัน



-ภูมิธรรม เมินโพลเพื่อไทย เป็นรองก้าวไกล ลั่นวัดกันที่ผลงาน

ส่วนควันหลง กรณีผลสำรวจนิด้าโพล ที่ชี้ว่าคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ยังเป็นรอง พรรคก้าวไกล เมื่อวานนี้นักข่าวไปถาม นายภูมิธรรม เวชยชัย ก็บอกว่า 3 เดือนยังเร็วเกินไป เพราะรัฐบาลมีเวลา 4 ปีในการทำงาน ก็ย้ำว่าต้องวัดกันที่ผลงานมากกว่าคะแนนนิยม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พูดถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ที่พบว่าคะแนนนิยมของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ก็บอกว่า ไม่ได้แปลกอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าสำรวจจากสถาบันใดบ้าง และกลุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ จากส่วนไหนบ้าง

อีกทั้งจากการลงพื้นที่ก็พบว่าประชาชนยังสนับสนุนนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ส่วนผลโพลที่อยู่ในเมือง และเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว ยอมรับว่าวนายพิธา ยังได้รับความนิยมอยู่ แต่ตนคิดว่าความนิยม ไม่เท่ากับผลงานที่ทำให้ประชาชน ก็บอกว่าช่วงเวลา 3 เดือนยังเร็วเกินไป และรัฐบาลมีเวลาในการทำงานอีก 4 ปี

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดถึงผลสำรวจของนิด้าโพลที่ออกมาว่า ขอบคุณประชาชนที่ยังระลึกถึง และให้กำลังใจ

ก็บอกว่า "สำหรับผม ความนิยมในโพล คือ ตอนขึ้นอย่าหลง ตอนลงอย่าท้อ ซึ่งไม่ได้ทำให้เรารู้สึกประมาท หรือสบายใจว่าไม่ต้องทำงาน แต่ยิ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ทำงานหนักเพื่อประชาชนมากขึ้น"



-นายกฯ ควง 2 ลูกชาย ร่วมปาร์ตี้ปีใหม่สื่อทำเนียบ

ขณะที่เมื่อวานนี้ ท่านนายกฯ อารมณ์ดี ควงลูกชาย 2 คน มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ กับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ช่วงนึง ก็บอกว่า ขออภัยหากพูดจาไม่เหมาะสม แต่ย้ำว่าไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมือง

เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินเข้ามาภายในรังกระจอก ซึ่งเป็นห้องทำงานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง สวมชุดสูท เนกไทสีเขียวลายขาว ก่อนจะโชว์ถุงเท้าคนละสี ข้างนึงสีเขียว ข้างนึงสีแดง เข้าธีมวันคริสต์มาส ให้สื่อได้ถ่ายภาพอย่างอารมณ์ดี ก่อนขึ้นไปทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า และบอกว่าช่วงเย็น จะพาลูกชาย 2 คน มาร่วมงานเลี้ยงปีใหม่ด้วย

และเมื่อถึงเวลา 5 โมงเย็น ท่านนายกฯ ถอดสูท สวมเสื้อคลุมสีแดง ลงมาพร้อมกับลูกชาย 2 คน คนโต สูทสีน้ำตาล น้อบ- ณภัทร ทวีสิน และ สูทดำ เป็นลูกชายคนกลาง แน้บ-วรัตน์ ทวีสิน เดินทักทายสื่อมวลชน และทานอาหารตามซุ้มต่างๆ

โดยลูกชายคนกลางท่านนายกฯ บอกว่า ดีใจที่คริสต์มาสปี้นี้ได้กลับมาอยู่ครอบครัวและภูมิใจ ที่เห็นท่านทำงานเพื่อบ้านเมือง

จากนั้นท่านนายกฯ ได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมถึงสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นการจัดกิจกรรมปีใหม่ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเป็นครั้งแรก ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงสีแดง เพื่อไปร่วมงานเลี้ยง ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่อ โดยมีบรรยากาศถ่ายภาพร่วมกันอย่างเป็นกันเอง

ท่านนายกฯ บอกกับผู้สื่อข่าว ว่าอยู่ด้วยกันมา 3 เดือน หากมีอะไรที่ตน ชักสีหน้า หรือแสดงอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็ขออภัย โดยย้ำว่า อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และทุกพรรคที่มาร่วมกัน 314 เสียง เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน “เราไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมือง แต่มายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนให้ดีขึ้น



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ZSPxPz9YdGI

คุณอาจสนใจ

Related News