สังคม

'ลุงพล' ได้ประกันตัว หลังถูกพิพากษาคุก 20 ปี คดีน้องชมพู่ เตรียมสู้ต่อชั้นอุทธรณ์

โดย panwilai_c

20 ธ.ค. 2566

163 views

ความคืบหน้าครั้งสำคัญในคดีการตายของเด็กหญิงชมพู่ วัย 3 ขวบ ที่บ้านกกกอก จังหวัดมุกดาหาร ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาจำคุกนายไชยพล วิภา หรือลุงพล 2 กระทง รวม 20 ปี และให้จ่ายค่าสินไหมแก่ครอบครัวน้องชมพู่



อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่าย ก็เตรียมอุทธรณ์ เพราะฝ่ายโจทก์เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล ไม่ใช่ประมาท ส่วนจำเลย ก็มุ่งอุทธรณ์ในประเด็นว่า ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ไม่สอดคล้องกับสำนวนสืบสวนตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะคดีนี้ไม่มีประจักษ์พยานใดที่เห็นเหตุการณ์



ทันทีที่ได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ราว 7 แสนบาท โดยใช้โฉนดที่ดิน 2 แปลง เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน นายไชย์พลก็เปิดแถลงข่าวทันทีและยืนยันจะสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ ในกรณีที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี ฐานพรากผู้เยาว์และกระทำโดยประมาทให้เด็กหญิงชมพู่ ถึงแก่ความตาย



นายไชย์พล ถูกพิพากษามีความผิดฐานพรากเด็กหญิงชมพู่ไปจากครอบครัวโดยไม่มีเหตุอันควร ตัดสินจำคุก 10 ปี และความผิดฐานกระทำโดยประมาทให้น้องชมพู่ตาย จำคุก 10 ปี รวม 2 ฐานความผิด จำคุก 20 ปี ส่วนข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพยกฟ้อง ขณะที่ภรรยานายไชย์พล ที่ถูกฟ้องร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ศาลยกฟ้อง และสั่งให้นายไชยพล ชดใช้สินไหมแก่ครอบครัวน้องชมพู่ รวมกว่า 2 ล้านบาท



ทนายความฝั่งนายไชยพล ยืนยันว่ามีประเด็นที่จะสู้ในชั้นอุทธรณ์ เพราะคดีนี้ไม่มีประจักษ์พยาน เห็นเหตุการณ์ ไม่มีแรงจูงใจที่ก่อเหตุให้เด็กตายแล้วนำไปทิ้งบนเขา อีกทั้งคดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหารตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งพยานหลักฐานของโจทก์ ที่ให้เห็นควรให้ยกฟ้อง ซึ่งทนายความระบุว่าจะอยู่ในประเด็นอุทธรณ์ด้วย



ขณะที่ฝ่ายโจทก์ ก็แถลงข่าวทันทีเช่นกันทันทีที่ทราบคำพิพากษา โดยระบุว่าพอใจในระดับหนึ่งที่ได้รับความยุติธรรม แต่ก็ยังจะยื่นอุทธรณ์ทั้งข้อหาที่ยกฟ้องกรณีซ่อนเร้นอำพรางศพ และข้อเท็จจริงที่เห็นว่าไม่ใช่กระทำโดยประมาท เพราะเชื่อว่าขณะจำเลยอุ้มเด็กขึ้นไปบนเขาย่อมทราบดีว่ายังไม่เสียชีวิต แต่เมื่อทิ้งไว้โดยลำพัง ย่อมเล็งเหตุว่าเจตนาจะให้ตาย



หนึ่งในประเด็นที่ถูกอ้างในคำพิพากษาคือพยานบุคคลที่เห็นนายจำเลยที่ 1 อยู่ในสวนยางพาราในวันที่เด็กหาย และเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปสู่ที่พบศพบนเขาได้ โดยพยานบอกว่าจำเลยจะทำร้าย และข่มขู่ให้เขาเปลี่ยนคำให้การเพื่อไม่ให้บอกว่า ได้พบหน้ากับจำเลยในวันเกิดเหตุดังกล่าว รวมถึงข้อมูลการพบเส้นผมของผู้ตายที่มีรอยตัดด้วยของมีคม บนที่เกิดเหตุ และยังพบในรถยนต์ของจำเลยอีก 1 เส้น ลักษณะรอยตัดเข้ากันได้ซึ่งเป็นนิติวิทยาศาสตร์ที่นำเข้าสู่ศาล



ส่วนแม่น้องชมพู่ ระบุว่าเรื่องนี้มีการอุทธรณ์แน่ แต่ที่ได้รับรู้แล้วตอนนี้คือใครที่ถูกศาลพิพากษาว่าเกี่ยวกับการตายของลูกสาว



คดีนี้ทั้งสองฝ่ายมีเวลา 30 วัน เพื่อจะยื่นอุทธรณ์คดี ซึ่งทนายความคาดว่าอาจใช้เวลาอีก1-2 ปีกว่าที่จะได้เห็นคำพิพากษาอีกชั้นจากศาลอุทธรณ์

คุณอาจสนใจ

Related News