สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' บุกสตช. แฉเดือด ขบวนการ 4 ต. ทำถูกเด้ง ลั่นจ่อฟ้องกราวรูด ตร.

โดย panwilai_c

25 เม.ย. 2567

185 views

บิ๊กโจ๊ก บุก สำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรก หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยไปยื่นอุทธรณ์หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จ่อฟ้องกราวรูด ตั้งแต่ รักษาการ ผบ.ตร. ยันผู้เกี่ยวข้อง พร้อมแฉ ขบวนการ 4 คูณร้อย ทำให้ถูกเด้ง



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม กรณีพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อนโดยมิชอบ



บิ๊กโจ๊ก เปิดเผยว่า มาร้องเรียนในส่วนส่วนคือ ก.ตร. และ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เพื่ออุทธรณ์เกี่ยวกับคำสั่งให้ออกจากราชการซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง



โดยบิ๊กโจ๊ก ได้นำแผนผัง ขบวนการ 4 × 100 สยบปีกพระพรหม ของกลุ่มที่เสพติดอำนาจประพฤติชั่ว ที่มีการทำเป็นขบวนการ ประกอบด้วย 4 ขบวนการ



ขบวนการแรก คือ ตระกูลสี่ ต.เต่า ( ประกอบไปด้วย พลตำรวจเอก ต. 1 นาย ( บิ๊กต่อ ) / พลตำรวจโท ต. 1 นาย ( พลตำรวจโทไตรรงค์ ) และ พลตำรวจตรี ต. 2 นาย ( บิ๊กเต่า + บิ๊กตุ้ม ) ซึ่งเข้าตรวจค้นโดยไม่พบสิ่งกฎหมาย



ขบวนที่สอง คือ พนักงานสอบสวนชุดคดีของ สน.ทุ่งมหาเมฆ ทำคดีเวปพนันมินนี่ ซึ่งไม่มีอำนาจในการสอบสวนต้องส่งเรื่องให้ ดีเอสไอ



ขบวนที่สาม คือ พนักงานสอบสวนชุดทำคดีของ สน. เตาปูน ทำคดีเวปพนัน bnk master ซึ่งรู้ว่าไม่มีอำนาจในการสอบสวน แต่ไม่ส่งคดีให้ ดีเอสไอ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อรอเวลาออกหมายเรียกหมายจับ



และขบวนที่สี่ คือชุดรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ซึ่ง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและให้ออกจากราชการไว้ก่อน วันที่ 18 เมษายน และส่งนำนวน ให้ ป.ป.ช. ในวันที่ 19 เมษายน



โดยคดีเว็บพนันมินนี่ พบว่าให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รับทำคดีตั้งแต่ 2558 และดำเนินคดีกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง 8 คน และ ส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ช. แต่กลับแจ้งข้อหา พันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย เพียงคนเดียว เพราะถ้าส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีทั้งหมด จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งคดีนี้มีพลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน



ส่วนคดีเว็บพนัน bnk master มีพลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีเวปพนันทั้ง 2 คดี ตำรวจไม่มีอำนาจในการสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่ก็ไม่มีการตอบรับ



จนวันที่ 2 ธันวาคม 2566 ตนถูกแจ้งข้อหา ซึ่งมีผลนำไปสู่การมีคำสั่งให้ตนถูกออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งหมด



ทั้งนี้ในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งตนถูกแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนั้นพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากตนทำผิดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการจริง ก็ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ตอนนั้น



ต่อมาตนได้รับคำสั่งให้ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม รวมระยะเวลา 29 วัน ตนจะมีอำนาจเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อย่างไร



ทั้งนี้ กฎ ก.ตร. ปี 2547 ข้อ 8 มาตรา 131 ระบุว่ากรณีสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต้องใช้ กฎ ก.ตร. ปี 2547 มาประกอบ หากแต่ในข้อ8 ของกฎ ก.ตร. ปี 47 กรณีการสอบสวนไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ได้ขัดแย้งกันในข้อกฎหมายตามที่กล่าวไป



จึงต้องนำมาตรา 120 มาใช้แทน ซึ่งระบุว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงต้องให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หลังจากนั้นจะส่งให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณา แต่พบว่าคำสั่งครั้งนี้มีความขัดแย้งกัน จึงต้องยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการนี้ เพราะถือเป็นการให้ออกจากราชการโดยมิชอบ



นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ยังระบุว่า ระหว่างการสอบสวนจะนำเหตุแห่งการสอบสวนมาเป็นข้ออ้างในการดำเนินการใด ให้กระทบต่อสิทธิ์ของผู้ถูกสอบสวนไม่ได้



เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาจะสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสอบสวนแล้วมีความเห็นไปถึงผู้บัญชาการภาคหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าจะมีดุลยพินิจอย่างไร



แต่กรณีของตนเองนั้นมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในวันเดียวกับที่มีคำสั่งให้ตนเองออกจากราชการ ดังนั้นจึงไม่มีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการสอบสวน ที่มีพลตำรวจเอกสราวุฒิ การพาณิชย์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะตามกฎหมายฉบับดังกล่าว เป็นการกลับไปใช้กฎหมายฉบับเดิมปี 2547 ที่ให้เป็นไป ตามดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา



และตนยังได้สอบถามกับ ผอ. กองวินัย ทราบว่ามีการร่างคำสั่งให้ออกราชการเตรียมเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน และลงนามในวันที่ 18 เมษายน แสดงให้เห็นว่า มีขบวนการให้ตนเองออกจากราชการ



ทั้งนี้บิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตั้งแต่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.  และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีที่มาปลดป้ายชื่อตนเองและปลดจากทำเนียบผู้บังคับบัญชาออก ทั้งที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตนเองออกจากราชการ ในขณะที่พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่ไปทำงานที่ สมช.นานแล้ว ยังไม่มีการปลดป้าย ถือเป็นการทำให้ตนเองเสื่อมเสีย



การให้รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการนั้นแม้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่นี่มีความรีบ ร้อนเพราะมีคนกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำเรื่องรอไว้แล้วก็ไปหลอกนายกรัฐมนตรี



นายกรัฐมนตรีก็ไม่ทราบจึงมีคำสั่งให้ตนเองส่งกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนจะถูกสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งแต่เดิม รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของตน แต่ถ้าทำแบบนี้ถือว่า ท่านเลือกเอง


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Uto4OuIwSuQ

คุณอาจสนใจ

Related News