อาชญากรรม

หนุ่มอ่านหนังสือไม่ออก ถูกญาติหลอกให้เซ็นเอกสาร ตอนติดคุก โกงมรดกเกือบ 200 ล้าน

โดย nut_p

18 ธ.ค. 2566

788 views

หนุ่มหอบหลักฐานร้องทนายดำเนินคดี หลังถูกญาติหลอกให้เซ็นเอกสาร ตอนติดคุก ตนอ่านหนังสือไม่ออกและถูกบังคับจึงต้องเซ็น พ้นคุกมาจึงพบว่า ถูกโกงมรดกเกือบ 200 ล้านบาท



เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 ธ.ค.66 นายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย นายปรีชา เครือพลอย อายุ 42 ปี และ น.ส.ศิริลักษณ์ จันทร์อ้น อายุ 32 ปี สองสามีภรรยา หอบหลักฐานเดินทางเข้าพบนายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเครือญาติจำนวน 6 คน หลังคาดว่ามีการปลอมลายเซ็นต์ในพินัยกรรม ของนางชุ่ม เครือพลอย มารดา ของนายปรีชา และมีการนำที่ดินมรดกไปขายแล้วบางส่วนเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาทถูกแอบอ้างโอนเป็นชื่อเครือญาติโดยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนลูกชาย โดยได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี



จากการสอบถาม นายปรีชา เครือพลอย ลูกชายนางชุ่ม เครือพลอย กล่าวว่า เมื่อปี 53 ตนถูกจับดำเนินคดี จำคุกที่เรือนจำนนทบุรี ระหว่างที่ต้องโทษแม่ของตนขณะนั้น อายุ 88 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี กลุ่มเครือญาตได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็น ซึ่งตนอ่านหนังสือไม่ออกเพราะเรียน ป.6 ไม่จบ ตนจึงไม่เซ็น หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็นอีก โดยมีคำขู่ ตนด้วยความกลัวจึงเซ็นโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร หลังจากได้พ้นโทษมาเมื่อปี 61 จึงมาทราบว่าทางกลุ่มเครือญาติได้ไปร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของแม่ตน



นอกจากนั้นยังพบว่าแม่ตนได้มีการทำพินัยกรรมยกที่ดินให้กลุ่มเครือญาติ ซึ่งตนมาทราบภายหลังโดยตรวจสอบเอกสารพินัยกรรม พบว่าลายเซ็นในพินัยกรรมไม่ใช่ลายเซ็นของแม่ตน ตอนนี้ตรวจสอบมรดกของแม่ทั้งหมด มีที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ถูกขายไปเป็นเงิน 36 ล้านบาท และที่ดินจำนวน 11 ไร่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย ถูกขายเป็นเงิน 11 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท โดยกลุ่มญาติแบ่งเงินให้มา 4 ล้านบาทเท่านั้น



นายปรีชา กล่าวต่อว่า ยังมีที่ดินเหลืออีก อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และที่ด้านหลังสภ.รัตนาธิเบศร์ รวมกว่า 100 ไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกโอนแบ่งเป็นชื่อเครือญาติรวม 6 คน ซึ่งตนเกิดข้อสงสัยในมรดกของแม่ ว่าทำไมตนเป็นลูกคนเดียว แต่ทำไมมรดกต้องถูกแบ่งให้คนอื่นที่เป็นญาติห่าง ๆ ด้วย จึงได้นำเรื่องมาคุยกับแม่ยายและภรรยา ในที่สุดได้นำเรื่งราวและหลักฐานมาปรึกษา นายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี ให้ช่วยเหลือและได้มอบกลักฐานให้ทนายความดำเนินการพาเข้าแจ้งความและช่วยเหลือทางด้านคดีทั้งหมด



น.ส.ศิริลักษณ์ จันทร์อ้น อายุ 32 ปี ภรรยา กล่าวว่า หลังสามีเล่าเรื่องมรดกแม่เขาให้ฟัง ตนก็สงสัยในเรื่องพินัยกรรมว่าแม่เขาทำจริงหรือไม่ ซึ่งญาติในกลุ่มนี้บอกว่าพ่อแม่สามีมีลูกคนเดียว ไม่จำเป็นต้องทำพินัยกรรม ทรัพย์สมบัติต้องตกเป็นของลูกทั้งหมดอยู่แล้ว ทำให้คิดว่าพินัยกรรมไม่ชอบธรรมและผิดปกติ จึงไปร้องขอคัดพินัยกรรม จากศาลนนทบุรีเมื่อสามีเช็กรายเซ็นก็ยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นของแม่แน่นอน จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดมรดกทั้งหมด ตอนนี้ตนและสามีได้ค้นห้องของแม่ และพบเอกสารต่าง ๆ ของแม่ ทั้งโฉนดที่ดินและเอกสารประกันต่าง ๆ ลายเซ็นนำมาเปรียบเทียบก็ไม่เหมือนกัน



นายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ กล่าวว่า นายปรีชา เรียนหนังสือแค่ ป.6 จบมาแบบไม่รู้เรื่อง ระหว่างที่เขาติดคุกในเรือนจำ กลุ่มญาติได้นำเอกสารมาให้เซ็น ก็เซ็นแบบไม่รู้ เพราะอ่านไม่ออก และถูกขู่จนเกิดความกลัว หลังตนรับเรื่องได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด พบว่ามีที่ดินบางส่วนถูกขายไปแล้ว และยังเหลือที่ดินที่ถูกแบ่งออกเป็นชื่อญาติคนอื่นอีกจำนวน 6 แปลง



ตอนนี้ตนได้ตัดเอกสารจากทางศาลจังหวัดนนทบุรี จึงพบข้อพิรุธ ตนจึงได้พาเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้ตรวจสอบพินัยกรรมลงวันที่ 18 พ.ค. 53 ว่าเป็นพินัยกรรมปลอมและใช้พินัยกรรมปลอมหรือไม่ เพราะอาจทำให้นายปรีชาได้รับความเสียหาย และให้ดำเนินการให้พินัยกรรมเป็นโมฆะเพระทำในขณะที่มารดาป่วยหนัก โดยหลังจากพิสูจน์ทราบก็จะมีการดำเนินคดีตามกฏหมายต่อคนทั้งหมด



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างมอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และอยู่ระหว่างเรียกผู้เสียหายเข้าสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News