บันเทิง

ไม่ได้แบล็กเมล์! พ่อเลี้ยงสาววัย 17 ปัดเรียกเงิน 'สมรักษ์' - 'กัน จอมพลัง' ไม่เข้าข้างใคร พาร้องหาความจริง

โดย paweena_c

13 ธ.ค. 2566

56 views

‘กัน จอมพลัง’ พาครอบครัวเด็ก 17 ร้องขอความเป็นธรรม หลังอ้าง “สมรักษ์” ล่วงละเมิด ด้านพ่อเลี้ยงหญิงวัย 17 ปี ยืนยัน ไม่ได้ออกมาแบล็กเมลหรือเรียกรับเงินจากสมรักษ์

จากกรณีหญิงสาวอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น อ้างถูกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก พาเข้าโรงแรมแล้วลวนลามกระทำอนาจาร หลังรู้จักกันในผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ต่อมา สมรักษ์ คำสิงห์ ออกมาเปิดเผยว่า ไม่ได้ข่มขืน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กสาวอายุเพิ่ง 17 ปี พอรู้ว่าอายุ 17 ก็นอนคลุมโปงหลับไปเลย มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐานหลายมุม

วานนี้ (12 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พาตาของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี

นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า แม่ของเด็กสาวอายุ 17 ปี ติดต่อตนมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ตนจึงเตรียมเอกสารหลักฐานมาพร้อมกับพาคุณตาของน้องอายุ 17 ปี มาให้ข้อมูลด้วย เนื่องจากครอบครัวเป็นกังวลเพราะอีกฝ่ายเป็นคนมีชื่อเสียงและมีคอนเนคชั่น รู้จักคนเยอะใน จ.ขอนแก่น และตัวของน้องอายุ 17 ปี ได้อ้างว่ามีตำรวจในพื้นที่ไปหาที่บ้าน และบอกว่า “ ขึ้นรถหน่อยเดี๋ยวจะไปเคลียร์” น้องก็ตกใจว่า จะไปไหน คุณยายของน้องก็ปฏิเสธไป พร้อมกับอ้างว่า “ไม่มีเงินที่จะเดินทางไป” แต่คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ก็ยืนยันว่า “ไปเถอะ ได้เงินเยอะแน่นอน”

ในส่วนของคดีความเบื้องต้นได้ประสาน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียบร้อยแล้ว และตนได้ประสานไปยังนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีมหาดไทย เพื่อให้ช่วยเหลือหาความจริง ในส่วนที่ว่าทางสถานบันเทิงอ้างว่าน้องอายุ 17 ปี ได้ปลอมบัตรประชาชนเพื่อให้สามารถเข้าไปในร้านได้ ซึ่งก็อยากให้ตรวจสอบว่ามีการปลอมบัตรจริงหรือไม่

ซึ่งตนได้สอบถามความจริงกับน้องอายุ 17 ปี ยืนยันว่า ไม่ได้ปลอมบัตรแน่นอน ในวันดังกล่าวเดินทางไปที่สถานบันเทิงกับเพื่อนทั้งหมด 4 คน โดย 3 คนในกลุ่ม นำรูป บัตรประชาชนในโทรศัพท์ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนของน้องอีกคน ได้นำบัตรประชาชนของตัวเองยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูและอายุน้อยกว่าเด็กอายุ 17 ปี อีกก็ยังสามารถเข้าไปได้

‘กัน จอมพลัง’ กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนได้พูดคุยกับครอบครัวของน้องอายุ 17 ปี ก็ทราบว่า ทางครอบครัวไม่รู้เลยว่า วันดังกล่าวน้องจะไปเที่ยวต่อ เนื่องจากวันนั้นเป็นวันสอบ GAT-PAT  แต่เพื่อนชวนไปเที่ยว จึงตัดสินใจไป ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางครอบครัวบอกว่าคุณสมรักษ์ได้ติดต่อน้องอายุ 17 ปี ไปและบอกว่า “ไปแจ้งความทำไม ยังไม่ได้ทำเลย” ส่วนน้องอายุ 17 ปี ก็ยืนยัน “พี่ลวนลามหนู”

โดยคืนนั้นได้สอบถามไปว่าน้อง ได้ถ่ายคลิปแบล็กเมลก่อนหรือไม่ หรือส่งคลิปดังกล่าวไปเรียกรับเงินแลกกับการไม่แจ้งความ น้องก็ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ ในวันเกิดเหตุ น้องเล่าให้ฟังว่าตนจะกลับ เพื่อนเมาไม่สามารถขี่รถจักรยานยนต์ได้ เพื่อนในกลุ่มไปเจอเพื่อนที่ร้านก็เลยวานให้ไปส่ง

ส่วนตัวของน้องเอง มีการ์ดที่ร้านอาสาจะไปส่ง น้องก็ไว้ใจ และนำคีย์การ์ดโรงแรมให้การ์ดดูว่า รู้จักโรงแรมนี้หรือไม่ การ์ดจึงพาไปส่งโรงแรมที่เป็นโรงแรมของนักมวย และได้เดินเข้าไปพร้อมกับนักมวย เพราะคิดว่า “เขาเป็นดารา ไม่น่าจะมาทำอะไรและคิดว่าลูก ๆ ของเขาจะอยู่ในห้องด้วย เพราะเห็นในแอพอะไรบางอย่าง เข้าใจว่า ลูกอยู่ในห้อง จึงยอมเข้าไปด้วย“

ทั้งนี้พ่อแม่ยืนยันว่า ลูกสาวไม่ได้รับงานเอนเตอร์เทน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนอื่นเรื่องถูกกระทำอนาจารเลย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรก ยืนยันว่าไม่ได้เรียกเงินและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ ให้มาหาความจริงกัน

ส่วนที่คุณตาของน้องอายุ 17 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “หลานสาวของตนเป็นคนดี” ในวันนี้ตนอยากสะท้อนให้คุณตาเห็นว่า “ถ้าหากเลี้ยงหลานดีหลานก็คงไม่หนีไปเที่ยว”

ด้านตาของน้อง กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตอนเช้าน้องได้ขอเงินเพื่อไปโรงเรียนอยู่เลย ไม่รู้เลยว่าหลานไปเที่ยว และในคืนนั้นเห็นว่าดึกแล้ว หลานยังไม่กลับมา ยายก็พยายามโทรติดต่อหาหลาน แต่โทรไปแล้วหลานไม่ยอมรับโทรศัพท์ ซึ่งปกติหลานไม่ได้เป็นแบบนี้ จะสามารถติดต่อได้ทุกครั้ง ที่ผ่านมาหลานจะกลับบ้านดึกบ้างบางครั้ง แต่เรื่องดังกล่าวไม่รู้เรื่องเลย ส่วนเรื่องที่หลานปลอมบัตรประชาชนเพื่อเข้าไปในสถานบันเทิงนั้น ตาไม่รู้เรื่องเลย ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าหลานตั้งใจจะถ่ายคลิปแบล็กเมลนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ต้องแจ้งให้ทางจังหวัด ตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตในการเปิดสถานบันเทิงหรือไม่ รวมถึงขั้นตอนในการคัดกรองคนที่เข้ามาใช้บริการว่าอายุถึง 20 ปีหรือไม่ และเรื่องการใช้บัตรประชาชนปลอมปลอมเพื่อเข้าสถานบันเทิงว่าจริงหรือไม่ และทางสถานบันเทิงเข้าได้อย่างไร

ส่วนที่ 2  ต้องตรวจสอบว่าเด็กอายุ 17 ปีถูกล่วงละเมิดทางเพศจริงหรือไม่

ส่วนที่ 3 คือการดำเนินคดีกับคู่กรณี ซึ่งต้องไปตรวจสอบว่า จะเข้าข่าย พาร์กผู้เยาว์หน่วงเหนี่ยวกักขังและมีเรื่องการใช้สารหรือไม่

ทางด้านพ่อเลี้ยงของหญิงวัย 17 ปี เปิดเผย กรณีที่ นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยชื่อดัง ล่วงละเมิดและอนาจารภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ว่า วันนี้ยอมรับว่า รู้สึกแย่ ที่ลูกสาว โกหกว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จังหวัดขอนแก่น แต่ปรากฏภาพว่าไปเที่ยวสถานบันเทิงในช่วงกลางคืน ซึ่งตนอยากขอโทษสังคมที่ลูกสาวทำตัวไม่เหมาะสม ออกไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้นทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง โดยหลังจากนี้จะตั้งใจกลับไปสอนลูกสาวให้ดี

ส่วนเหตุการณ์วันเกิดเหตุ พ่อเลี้ยงเล่าว่า ตนทราบจากแม่ของเพื่อนลูกสาวที่ไปสอบด้วยกัน โทรศัพท์มาบอกว่าน้องถูก สมรักษ์ คำสิงห์ กระทำอนาจาร  ในโรงแรม ตอนนั้นตนก็ตกใจ รีบโทรหาลูกสาวทันที แต่แรก ๆ เขาไม่รับสาย มารับสายอีกทีก็เที่ยงแล้ว เพราะเขากลัวโดนว่า ไม่กล้าบอกความจริงว่าไปเที่ยวมา ตนก็ยอมรับว่า “รู้สึกแย่ที่ลูกสาวโกหก ก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี”

เมื่อถามพ่อเลี้ยงมีความคิดเห็นอย่างไร หลังสังคมตั้งคำถามเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่ออกจากร้านจนถึงโรงแรม  พบว่าลูกสาว นั่งซ้อนมอเตอร์ไซต์ไปโรงแรมพร้อมกับสมรักษ์ด้วยตนเอง ไม่มีการบังคับหรือ ขัดขืน จนถึงโรงแรม

ประเด็นนี้คุณพ่อบอกว่าจริงๆแล้วลูกสาวไม่ได้ยินยอมขึ้นรถจักรยานยนต์กับสมรักษ์  ช่วงที่สถานบันเทิงปิด ลูกสาวออกมาพร้อมกับเพื่อน 4 คน ในสภาพที่เมา แต่พอออกมาก็พบว่า เพื่อนได้ขี่รถจักรยานยนต์ ออกไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะกลับอย่างไร จึงไปขอร้องการ์ดที่ร้านให้ช่วยไปส่ง

แต่ปรากฎว่าในช่วงที่ขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซต์ สมรักษ์ได้ขึ้นมาซ้อนท้ายประกบหลังลูกสาวทันที แล้วก็พูดให้การ์ด “ออกรถไปเลย! เดี๋ยวไปส่งโรงแรม” ตอนนั้นลูกสาวกลัวจะถูกทำร้าย จึงไม่ได้ขัดขืนหรือพูดอะไร ก่อนการ์ดจะพาไปที่โรงแรมที่สมรักษ์พัก  เมื่อมาถึงโรงแรม ลูกสาวไม่ได้อยากลงจากรถ การ์ดก็ตีที่ขาให้ลูกลงจากรถ แล้วสมรักษ์ กับลูกสาวก็เดินเข้าโรงแรมตามปกติ ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องพัก โดยที่ลูกสาวเป็นคนเดินตาม

ก่อนจะมีการกระทำอนาจาร ซึ่งลูกสาวบอกว่าช่วงที่อยู่ในห้อง ไม่ได้โดยบังคับอะไร แต่ถูกกกระทำ จนสำเร็จความใคร่ และเขาก็หลับไป ส่วนลูกสาวก็ไปล้างตัวในห้องน้ำ

ก่อนที่จะออกอุบายว่า “หิวข้าว สั่งข้าวไว้ จะขอลงมากินข้าว” พร้อมถ่ายรูปนักมวยชื่อดังไว้เป็นหลักฐาน แล้วรีบออกจากห้องทันที เพื่อแชทไปหาเพื่อนขอความช่วยเหลือมารับที่โรงแรม โดยเมื่อไปถึงห้องพักของเพื่อน ลูกสาวก็ร้องไห้ตลอด และอยู่ในสภาพกลัวมาก ไม่กล้าบอกทางบ้าน เพราะกลัวจะเสียใจ แต่สุดท้ายในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นก็ตัดสินใจไปแจ้งความทันที ไม่ได้ทิ้งเวลา โดยส่วนตัวเชื่อว่าการ์ดกับนักมวยชื่อดัง น่าจะวางแผนกันมาก่อน

พ่อเลี้ยง ยังยืนยันว่าที่ออกมาเรียกร้องในวันนี้ ไม่ได้ต้องการเงินทอง ไม่ได้แบล็กเมลใคร แต่ต้องการความยุติธรรมให้กับลูกสาว เพราะตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ และฝากไปถึงนักมวยชื่อดังว่า ”อย่าไปทำแบบนี้กับลูกคนอื่น“ พร้อมฝากไปถึงสังคมว่าอย่าโจมตีลูกสาวเยอะ เรื่องการเที่ยวผับและการใช้บัตรประชาชน ก็เป็นบัตรจริง ไม่ได้ใช้บัตรปลอมในการเข้าสถานบันเทิง


คุณอาจสนใจ

Related News