สาวร้อง หมอผ่าตัดถุงใต้ตาพลาด บวมติดเชื้อ เสี่ยงตาบอด

จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่ง เดินทางไปทำศัลยกรรมตัดถุงใต้ตากับหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่ศัลยกรรมผิดพลาด ใต้ตาเกิดอาการบวมและติดเชื้อ ทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ต้องทานยาทุกวัน คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคลินิกดังกล่าว ไม่ได้ใช้หมอเฉพาะทางมาศัลยกรรม แต่เป็นหมอทั่วไป ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงตนเคยเป็นเจ้าของแบรนด์ครีม จึงไม่สามารถออกไปทำงานปกติได้ และไม่สามารถขายสินค้าโฆษณาครีมของตัวเองได้

หลังจากเกิดเหตุ คุณหมอ ไม่มีการเยียวยาใดๆ และตนไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงได้ส่งเรื่องราวร้องเรียนมายัง กัน จอมพลัง อยากให้ช่วยตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว รวมถึงตัวหมอที่ทำการศัลยกรรม และดำเนินคดีความด้วย

โดยวันนี้ 2 พ.ค.2567 เวลา 10.00 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมผู้เสียหาย เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หญิงคนหนึ่งอยากศัลยกรรมตัดถุงใต้ตา อยากให้ตัวเองดูดีขึ้น หลังจากนั้นไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เนื่องจากมีอาการบวม อักเสบ จึงกลับไปหาคุณหมอ คุณหมอกับบอกว่า ตาถึงขั้นอาจตาบอดได้ จากนั้นทางคุณหมอได้ให้กลับไปรักษาอาการบวมบริเวณใต้ตาต่อ ซึ่งผู้เสียหายกลับไปแก้ไข้ โดยการผ่าตัดถึง 2 รอบ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความไม่สบายใจ ในความเป็นมืออาชีพของคุณหมอ

รวมถึงน้องผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก ในเรื่องของธุรกิจ เป็นเจ้าของแบรนด์ครีมของตัวเอง ฝากถึงคุณหมอให้ออกมาช่วยรับผิดชอบ ซึ่งทางน้องผู้เสียหายไม่กล้ากลับไปรับการรักษาที่เดิมแล้ว ซึ่งทางคุณหมอควรออกมารับผิดชอบ

วันนี้ตนเองพาผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด จากนั้นประสานกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบคลินิกดังกล่าว รวมถึงสถานที่ ว่าเหมาะกับการทำหัตถกรรมหรือไม่ ซึ่งต้องบอกตรงๆว่า ตนเองเห็นบาดแผลแล้ว น้องน่าสงสารมาก

ด้านหญิงผู้เสียหาย อายุ 29 ปี เปิดเผยว่า ตนเองมีอาการบวมบริเวณใต้ตา อยากรักษาให้เรียบปกติ จึงอยากแก้ไข แล้วไปเจอคุณหมอท่านดังกล่าว จึงตัดสินใจเข้าไปผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดมีอาการบวม จากนั้นกลับบ้านมา มีอาการปวดเป็นอย่างมาก จึงสอบถามทางคลินิก ว่าสามารถกินยาแบบแรงได้หรือไม่ แต่ทางคลินิกแนะนำว่า ให้ทานยาแก้ปวดที่หมอให้เท่านั้น จากนั้นตนเองก็ทำตามที่หมอสั่ง แต่อาการปวดก็ไม่ได้ทุเลาลง

หลังจากครบ 1 สัปดาห์ ตนเดินทางไปพบหมอ เพื่อที่จะไปตัดไหม คุณหมอบอกว่ามีอาการบวมมาก ต้องมีการแก้ไข ต้องนำเลือดออก หลังจากทำเสร็จ มีการเปลี่ยนแผนการรักษา ไม่มีการให้ยาเพิ่ม และให้ยาฆ่าเชื้อมา 3 ตัว หลังจากนั้นคุณหมอบอกว่าอาการจะดีขึ้น ตนเองก็กลับบ้านมากินยาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นกลับไปหาหมออีกครั้ง รอบที่ 3 คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดอีกครั้ง โดยการดูดเอาเลือดออก แต่รอบนี่ดูดเลือดออกได้เพียงนิดเดียว หลังจากผ่าตัดเสร็จ คุณหมอให้ทานยาฆ่าเชื้อต่อ แต่รอบนี้ให้ยาฆ่าเชื้อมาทาน นานถึง 1 เดือน จากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น อาการบวมเริ่มลดลง แต่คุณหมอบอกว่า อาการของตนเองเสี่ยงตาอาจบอดได้ ซึ่งทางคุณหมอยังถามอีกว่า ตนเองได้ทานยาจำพวกอาหารเสริมหรือไม่ ซึ่งตนเองไม่เคยทานอาหารเสริม ยืนยันว่าหยุดมาแล้ว 3 เดือน ซึ่งคุณหมอก็บอกให้ตนเองรักษาต่อ

หลังจากนั้นผิวหนังด้านนอก มีอาการตกสะเก็ด แผลเริ่มแข็ง คุณหมอบบอกว่า ต้องได้รับการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง ในรอบนี้ตนจึงตัดสินใจไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลอื่น เนื่องจากเริ่มไม่ไว้วางใจกับคุณหมอคนเดิม เพราะมีการผ่าตัดซ้ำหลายรอบ ซึ่งคุณหมอโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ตนไปสอบถาม ได้ให้คำปรึกษาแนวทางการรักษา และแจ้งว่า บริเวณใต้ตาของตน เนื้อตายทั้งหมด ซึ่งร่างกายเราเยียวยามาได้ในระดับนึงแล้ว และให้ตนเองเลือก 2 อย่าง 1.เอาเนื้อใต้ตาออก แล้วนำเนื้อส่วนอื่นมาแปะ แต่ข้อเสียคือสีผิวก็จะแตกต่างกัน ส่วนวิธีที่ 2. ทำวิธีการบอลลูนที่ใบหน้า แต่ต้องมีการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง เพื่อทำให้เนื้อที่ตายกลับมาสภาพสมบูรณ์มากที่สุด แต่บาดแผลจะดูรุนแรงและใช้ระยะเวลานานมากกว่า 1 ปี อย่างไรก็จะเป็นการเสียงโฉมอยู่ ไม่กลับมาสมบูรณ์ แต่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทำให้ตนเองรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าการทำศัลยกรรมจะเปลี่ยนชีวิตของตนเองให้ทรมานขนาดนี้ ทำให้ตนเองอาการหนักขึ้นจนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า กลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช จนถึงปัจจุบันมีการรักษาในเรื่องของสภาพจิตใจ ตนเองอยากดำเนินการในเรื่องของคดีความ แจ้งความ รวมถึงอยากให้รับการเยียวยาจากคุณหมอ ที่ทำให้ชีวิตของตนเองเปลี่ยนไป ทำให้ตนเองต้องทุกข์ทรมานกับบาดแผล ทำให้ตนเองเป็นคนซึมเศร้า กลายเป็นคนที่เป็นพลังลบของที่บ้านอีกด้วย