สุดเศร้า พ่อ-ลูก-หลาน พากันไปขนทราย ถูกดูดดับสลด 5 ศพ สังเวยบ่อทรายแม่น้ำมูล

พ่อวัย 45 พาลูกสาววัย 23 ปี พร้อมหลานรวม 5 คน ขับอีแต๊กไปขนทรายแม่น้ำมูลมาปรับปรุงบ้าน หายไปครึ่งวัน ญาติไปเจอแต่รถพร้อมข้าวของเด็กๆ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดำน้ำหา 3 ชั่วโมง ก่อนพบเป็นศพในบ่อทรายทั้ง 5 คน ชาวบ้านเชื่อเป็นกุดน้ำอาถรรพ์ มีคนตายบ่อย รวมแล้ว 12 ศพ


เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คน ขึ้นจากบ่อทราย ประกอบด้วย นายวิริยา อายุ 45 ปี น.ส.นุชรินทร์ อายุ 23 ปี ลูกสาว และหลานอีก 3 คน คือ ด.ญ.วรันญา อายุ 14 ปี ด.ญ.ญาญ่า อายุ 11 ปี และ ด.ช.โฟม อายุ 8 ปี หลังทั้ง 5 คน พากันออกจากบ้าน ไปเอาทรายกลางแม่น้ำมูลตั้งแต่เที่ยง

กระทั่งบ่าย 3 ยังไม่กลับบ้าน น.ส.บังอร อายุ 44 ปี ภรรยานายวิริยา และญาติก็พากันมาตามหา ก็มาเจอรถอีแต๊กกับตัวพ่วง มีทรายอยู่เต็มคันรถ แต่ไม่พบคน เจอเพียงกระเป๋าหนังสือของเด็ก และรองเท้าวางอยู่ใกล้กับรถอีแต๊ก จอดอยู่ริมแม่น้ำมูลเขตตำบลท่าม่วง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ จึงรีบแจ้งกู้ภัย และตำรวจ สภ.ชุมพลบุรี มาร่วมตรวจสอบ

พร้อมประสานชุดประดาน้ำ ลงค้นหาร่างในแม่น้ำมูล แต่การค้นทำได้ลำบาก เพราะจุดที่มีน้ำขังไม่พบร่างคน ผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พบร่างนายวิริยาอยู่ใต้น้ำ ก่อนจะพบร่างที่เหลือทีละคน จนครบ 5 ศพ อยู่ติดกับบ่อทราย ทำให้ น.ส.บังอร และญาติ ๆ ที่มารอลุ้นให้เป็นข่าวดี ต่างร้องไห้เสียใจจนเป็นลม

น.ส.บังอร เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน ทราบแค่ว่า สามีจะมาเอาทรายไปปูกระเบื้อง และคาดว่าน่าจะชวนลูกสาวและหลานมาด้วย เพราะบริเวณที่จะไปเอาทรายมีน้ำใสและเย็น แต่หายไปนานผิดสังเกต จึงพากันออกตามหา

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตไว้ 2 เรื่อง คือ อาจจะมีเด็กคนใดคนหนึ่งไปเล่นน้ำแล้วจมน้ำ แล้วพากันเข้าไปช่วยเหลือแล้วจมน้ำไปด้วยกันทั้งหมด หรืออาจจะมีคนใดคนหนึ่งถูกทรายดูด แล้วพากันเข้าไปช่วย จึงโดนดูดเข้าไปด้วยกันทั้งหมด

วันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยแม่น้ำมูลตรงจุดดังกล่าว มีลักษณะเป็นกุด ซึ่งภาษาอีสานหมายถึง หนองน้ำที่กว้างและยาว แต่ต่อมาตื้นเขินขาดเป็นช่วงๆ โดยยังมีรถอีแต๊กของผู้ตายจอดอยู่

ด้านนายประมวล อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงสายของเมื่อวานนี้ เห็นกลุ่มผู้ตายขับรถอีแต๊กมาด้วยกัน 4 คน ต่อมามีวัยรุ่นหญิงขี่มอเตอร์ไซค์มาสมทบอีก 1 คน รวมเป็น 5 คน ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะปกติจะมีชาวบ้านมาเอาทรายที่นี่เป็นประจำ

ตอนประมาณเที่ยงวัน เห็นผู้ตายขับรถอีแต๊กขึ้นจากบ่อทราย เอามาจอดในท่าเตรียมขับกลับบ้าน และยังเห็นคนกลุ่มนี้กำลังจะลงน้ำ จากนั้นยังไม่เห็นใครอีกเลย กระทั่งช่วงเย็นยังเห็นของทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม แต่ไม่พบคนทั้ง 5 คน

สำหรับพื้นทรายบริเวณจุดเกิดเหตุ จะมีลักษณะเหมือนทรายหลวม บางจุดเหยียบลงไปจะหลวมเหมือนถูกดูด จุดที่ทรายดูดจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วแต่ทิศทางของน้ำ ว่าจะหมุนไปทางไหน ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะมีใครคนใดคนหนึ่งโดนทรายดูด แล้วแต่ละคนเข้าไปช่วย จึงถูกดูดไปทั้งหมด

ด้านนางสุดสงวน อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า จุดนี้มีคนจมน้ำบ่อย ก่อนหน้านี้เคยมีแม่พาลูกมาเล่นน้ำ แล้วจมหายบริเวณนั้น 3 คน พร้อมกัน จากนั้นช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการสร้างสะพานเชื่อมจังหวัดบุรีรัมย์กับสุรินทร์ ก็มีคนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ จมน้ำในลักษณะเดียวกันตายพร้อมกัน 4 ศพ และมาครั้งนี้มาตายอีก 5 ศพ

ส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะเป็นกุดน้ำอาถรรพ์ เพราะทุกครั้งจะตายหมู่ทั้งหมด และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้น้ำไม่ลึก แต่ทรายจะมีลักษณะดูดคน เคยมีคนเอาช้างมาเลี้ยงจุดนี้ คนเลี้ยงช้างบอกว่า ช้างเกือบเอาตัวไม่รอดเพราะทรายดูด

ส่วนศพทั้ง 5 ญาติๆ นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่สำนักสงฆ์บูรพาราม บรรยากาศยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านมาให้กำลังใจญาติๆ ไม่ขาดสาย โดยจะมีพิธีสวดอภิธรรมถึงวันที่ 16 ธันวาคม ฌาปนกิจพร้อมกันในวันที่ 17 ธันวาคม โดยศพพ่อจะเผาในเมรุ ส่วนลูกและหลานจะเผาแบบเชิงตะกอน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Tf9-TXi3628