สังคม

ป.ป.ช.แจงยิบ ‘ครูชัยยศ’ ผิดวินัยร้ายแรง ถูกปลดพ้นราชการ - เจ้าตัวเปิดใจไม่ท้อ รับสอนพิเศษต่อ แม้ไร้เงินเดือน

โดย petchpawee_k

8 ธ.ค. 2566

316 views

ป.ป.ช.แจง ‘ครูชัยยศ’ ถูกชี้มูลความผิด-ปลดพ้นราชการ เพราะเซ็นรับรองค่าอาหารเป็นเท็จ ไม่ใช่การแบ่งอาหารนักเรียน ด้าน 'ครูชัยยศ' เปิดใจ ยังรับสอนพิเศษให้เด็ก แม้ไร้เงินเดือน 


จากกรณี นายชัยยศ สุขต้อ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุอาหารกลางวันนักเรียนอนุบาลและประถม ที่อดีตผู้บริหารโรงเรียนบริหารงบอาหารกลางวันให้เด็กมัธยมได้กินด้วย


เบื้องต้น ครูชัยยศยังอาสาสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนยางเปาเหมือนเดิม โดยไม่มีเงินเดือน แต่ลดชั่วโมงการสอนลง เหลือสอนวิชาศิลปะ 3 ชั่วโมง และสอนวิชาขับร้องเพลง 1 ชั่วโมง ส่วนการขายโรตีเป็นอาชีพเสริมไม่ได้ทำทุกวัน จะใช้เวลาหลังว่างจากการสอนพิเศษและกิจกรรมอื่นๆ เช่น ทำอาหารเลี้ยงเด็กนั้น


ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ (7 ธ.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโรงเรียนบ้านยางเปาเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 มีการขออนุญาตให้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีนักเรียน 2 ประเภท คือนักเรียนไปเช้ากลับเย็นและนักเรียนพักนอน โดยนักเรียนพักนอนได้รับการสนับสนุนค่าอาหารจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5


ส่วนนักเรียนระดับประถมศึกษาจะได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวันจากองค์การบริหารส่วนตำบลอมก๋อย โดยเมื่อปี 2561 โรงเรียนบ้านยางเปามีนักเรียนระดับประถมศึกษาและอนุบาล จำนวน 235 คน นักเรียนระดับมัธยมศึกษา จำนวน 244 คน โดยมีนักเรียนพักนอน (รวมประถมและมัธยม) จำนวน 169 คน


การดำเนินการจัดหาอาหารกลางวัน กำหนดให้โรงเรียนต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และจะจ่ายเงินได้ เมื่อมีการตรวจรับและลงลายมือชื่อของคณะกรรมการตรวจรับครบถ้วน  โดย นายจรัส สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางเปา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ และตรวจรับอาหารกลางวันนักเรียน มี นางบุณยนุช ใจปินตา เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหาร นางจิราพรรณ จาตุนันท์ และ นายชัยยศ สุขต้อ เป็นกรรมการตรวจรับ การจัดหาอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนพักนอน ปี 2561 จำนวน 15 สัปดาห์ ปรากฏว่า นางบุณยนุชไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติจัดซื้อตามแบบรายการและเอกสารของทางราชการที่กำหนด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560


โดยนางบุณยนุชทำบันทึกขออนุมัติยืมเงินโครงการอาหารกลางวันนักเรียน เงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน และอาหารนักเรียนพักนอน เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งนายจรัสได้อนุมัติให้ยืมเงินสำหรับโครงการอาหารกลางวันฯ โดยไม่ได้สั่งการให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของทางราชการ


เมื่อนางบุณยนุชได้ทำการยืมเงินโครงการอาหารกลางวัน สัปดาห์ละประมาณ 60,000 บาท แล้ว นางบุณยนุชเป็นผู้ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารและจ้างคนครัวเพื่อประกอบอาหารเองไม่เกินสัปดาห์ละ 48,500 บาท (โดยไม่มีการทำสัญญาจ้างและไม่มีหลักฐานการเข้ามาประกอบอาหารแต่อย่างใด)


 ในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท จำนวน 15 สัปดาห์ เป็นเงิน 172,240 บาทนั้น พบว่าในระหว่างสัปดาห์นางบุณยนุชมีการจัดซื้อเพิ่มเติมจาก 2 แห่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าแต่ละสัปดาห์ได้มีการจัดซื้อเป็นจำนวนเท่าใด และไม่ได้ขอใบเสร็จรับเงินจากร้านค้า


เมื่อตรวจสอบเอกสารชดใช้เงินยืมนางบุณยนุชได้จัดพิมพ์ใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารเป็นเท็จ แยกเป็นรายวัน วันละ 3 ใบ รวม 15 ใบ ทั้งที่มีการส่งอาหารสดและอาหารแห้งมายังโรงเรียนบ้านยางเปาสัปดาห์ละครั้ง โดยระบุใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารไม่เกินใบละ 10,000 บาท โดยเพิ่มราคาต่อหน่วยของวัตถุดิบ ซึ่งนางจิราพรรณและนายชัยยศ ซึ่งเป็นกรรมการตรวจรับได้ลงลายมือชื่อรับรอง และนางบุณยนุชจึงได้นำใบรับรองดังกล่าวมาเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน


 ดังนั้น การที่นางบุณยนุช ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหารกลางวันทำการขออนุมัติยืมเงินเพื่อจัดหาอาหารกลางวัน และนายจรัสอนุมัติให้ยืมเงินโดยไม่ได้ขออนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และนางบุณยนุชทำใบรับรองการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน โดยมีนางจิราพรรณและนายชัยยศลงชื่อรับรองอันเป็นเท็จ


จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการตรวจสอบในภายหลังว่าการจัดซื้อจัดหาอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านยางเปาดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้งการไม่ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบย่อมเป็นการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนบ้านยางเปา


คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ทั้ง 3 คน มีมูลความผิดทางอาญามาตรา 151  และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายจรัส นางบุณยนุช นางจิราพรรณ และนายชัยยศ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณีต่อไป


เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจะเห็นได้ว่ามีประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากการนำเสนอข่าว จำนวน 2 ประเด็น คือยอดเงินในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท รวม 15 สัปดาห์ เป็นเงินจำนวน 172,240 บาท ที่ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ และจากการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนว่านายชัยยศถูกปลดออกจากราชการ สืบเนื่องจากการที่นายชัยยศ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับอาหารกลางวัน นำอาหารในส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาแบ่งให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทานนั้น เป็นการเผยแพร่ข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง

--------------------------------------------------------

หลังกลายเป็นข่าวคึกโครม ครูชัยยศ เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า ผมรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมสำหรับผม เสียใจ เพราะเราทำหน้าที่ของตัวเองคือตรวจสอบพัสดุ ตรวจสอบอาหารกลางวันเท่านั้น ซึ่งเขาให้ผมตรวจอาหารเฉยๆ เช่น ไข่ 10 แผงมีครบ 10 แผงไหม หมู 10 กิโลฯ นับเป็น 10 กิโลฯ


แต่เขาชี้มูลความผิดผมว่าเป็นการเอื้อให้เกิดทุจริต อำนวยให้ผู้อื่นทุจริต เนื่องจากการการตรวจรับไม่ได้อยู่ในเอกสารหน้าเดียวกัน ผมก็ไม่ค่อยถนัดว่าเอกสารจะถูกต้องหรือว่าผิด เพราะว่าผมยึดคำสั่งเป็นหลัก ซึ่งในคำสั่งระบุว่าให้ผมทำหน้าที่ตรวจรับอาหารกลางวันเท่านั้น เรื่องราคา เรื่องจัดซื้อ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง


ตอนนี้แม้ตนเองจะถูกปลดออกจากการเป็นครูแล้วแต่ยังอาสาสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนยางเปาเหมือนเดิมโดยไม่มีเงินเดือน แต่ลดชั่วโมงการสอนลง เหลือสอนวิชาศิลปะ 3 ชั่วโมง และสอนวิชาขับร้องเพลง 1 ชั่วโมง


ส่วนสาเหตุที่ตนเองยังอาสาสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนนี้ เพราะไม่อยากจากพื้นที่ไปไหน ยึดอาชีพเป็นครูมานานกว่า 30 ปีแล้ว และได้รับการบรรจุสอนที่นี่ตั้งแต่ปี 2540 จึงรักโรงเรียน รักเด็กๆ มาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับโรงเรียน เพื่อนครู หรือนักเรียนแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่หน่วยงานอื่นมาตัดสินทั้งหมด


 ส่วนการขายโรตี เป็นอาชีพเสริมไม่ได้ทำทุกวัน จะใช้เวลาหลังว่างจากการสอนพิเศษ และกิจกรรมอื่นๆ เช่น ทำอาหารเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ขายอยู่หน้าบ้านพักโรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย และวันเสาร์-อาทิตย์ ไปขายที่อ.ดอยเต่า แต่แทบไม่มีกำไร เพราะกำลังซื้อคนในพื้นที่มีไม่มาก ล่าสุดตนเองจะต้องออกจากบ้านพักโรงเรียนแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งตนต้องย้ายออกแล้ว เพราะผิดระเบียบ จึงต้องหาทำเลใหม่ในการขาย และวางแผนว่าจะเปิดร้านขายอาหารเพื่อเลี้ยงข้าวนักเรียนด้วย


ครูชัยยศกล่าวอีกว่า หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ตนเองเสียเงินเป็นค่าใช้จ่ายวิ่งเต้นเรื่องคดีและค่าจ้างทนายไปแล้วจำนวนมาก แม้ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว แต่ยังถูกดำเนินคดีอาญาอยู่ จึงต้องนำที่ดินของทางบ้านไปขายได้เงินมา 150,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางและประสานงาน แม้มีลูกศิษย์หลายคนรวบรวมเงินมาช่วยเหลือ แต่ไม่กล้ารับ เพราะรู้ว่าทุกคนก็ลำบากเช่นกัน


ขณะที่ลูกศิษย์ครูชัยยศ เปิดใจว่า คุณครูเปรยบเสมือนพ่อแม่ ที่หาทุนการศึกษาจากผู้ที่ใจบุญ ส่งเสียให้เรียนต่อหลังจากจบ ม.3  ขณะนี้เรียนมหาวิทยาลัยปี 2  แล้ว เธอได้แรงบันดาลใจเรียนต่อครูศิลปะ ยืนยันครูชัยยศ เป็นผู้ที่ให้โอกาสกับลูกศิษย์ แนะนำ ส่งเสียให้ได้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย วอนขอความเป็นธรรมให้คุณครูด้วย 


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ft6sysdJ0fU

คุณอาจสนใจ

Related News