สังคม

ดีเอสไอ ร่วม พยัคฆ์ไพร ตรวจยึด 'สวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ' ฐานรุกป่า

โดย panwilai_c

7 ธ.ค. 2566

4K views

มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง ร้องเรียนไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้เข้าไปตรวจสอบกรณีพบกลุ่มนายทุนเข้ามายึดถือครอบครองพื้นที่ป่าใน อ.จะนะ จ.สงขลา มากเกือบ 200 ไร่ ทั้งที่ในอดีต จุดนี้เคยเป็นพื้นที่สาธารณะที่ชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์ร่วมกัน เเต่ต่อมากลับมีการปรับปรุง-ทำเป็นที่พักผ่อน มีการล้อมรั้วเเละเก็บค่าบริการจากนักท่องเที่ยว เรื่องนี้ "ดีเอสไอ" รับเป็นคดีพิเศษเเล้ว หลังพบว่าหลักฐานสค.1 จำนวนหลายฉบับที่เอกชนรายนี้นำมาอ้าง เป็นเอกสารที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง



วันนี้จึงร่วมกับ "ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้" เเละหน่วยงานในพื้นที่ เข้าไปตรวจยึด-ดำเนินคดีฐานบุกรุกป่าเเละให้ข้อมูลเท็จ พร้อมติดประกาศสั่งห้ามเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่โดยเด็ดขาด



"สวิตเซอร์แลนด์แดนลิวง" หรือที่นักท่องเที่ยวหลายคนรู้จักกันในชื่อ "สวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ" ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านลิวง ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา



ที่นี่คือเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI สนธิกำลังร่วมกับกรมป่าไม้โดยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ "พยัคฆ์ไพร" สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 (สงขลา) ฝ่ายปกครองเเละตำรวจ นำกำลังเข้าตรวจยึด-ดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ หลัง DSI ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ขอให้ตรวจสอบกลุ่มทุนที่เข้ามาครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเคยเป็นเเหล่งสัมปทานเหมือง



เเต่หลังจากรัฐไม่ต่อประทานบัตร ที่นี่ซึ่งเดิมตั้งอยู่ในเขตป่า ก็ได้กลายมาเป็นที่สาธารณะ ที่ชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์ร่วมกัน กระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่ามีกลุ่มทุนรายใหญ่ เข้ามาปรับปรุง-ล้อมรั้ว ทำเป็นเเหล่งพักผ่อน เเละเก็บเงินค่าบริการจากนักท่องเที่ยว ซึ่งมีอาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่มากถึง 195 ไร่ 2 งาน 42 ตารางวา



ก่อนเข้าตรวจยึดในวันนี้ DSI ได้ลงพื้นที่สืบสวนเเละรับเป็นคดีพิเศษ มีการตรวจสอบข้อมูลในทุกมิติ ทั้งพิกัดที่ตั้ง ความเป็นมาตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนได้ข้อมูลสำคัญ ซึ่งเป็นหลักฐานทั้งที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้



เดิมที่ดินบริเวณนี้ "ขุนนิพัทธ์จีนนคร" ได้รับการอนุญาตเป็นผู้ถือประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ดีบุก และเมื่อเดือนมิถุนายน 2492 ได้โอนประทานบัตรให้กับบริษัท นิพัทธ์และบุตร จำกัด ซึ่งเป็นทายาทของขุนนิพัทธ์จีนนคร ซึ่งทำก่อนประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้ 1 ธันวาคม 2497



ประทานบัตรฉบับนี้สิ้นอายุเมื่อเดือนเมษายน 2515 และได้ต่ออายุอีกครั้งจนถึงมีนาคม 2536 แต่เมื่อเดือนเมษายน 2534 กลับพบข้อมูลว่า "บริษัทนิพัทธ์และบุตร จำกัด" ได้โอนประทานบัตรให้กับเอกชนรายหนึ่ง และเมื่อเมื่อสิ้นอายุประทานบัตรในปี 2536 ก็ไม่พบว่ามีการขออนุญาตต่ออายุประทานบัตร



ซึ่งตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 มาตรา 59 วรรคท้าย ที่กำหนดว่าการใช้สิทธิ์ของผู้ถือประทานบัตร เมื่อสิ้นอายุประทานบัตรแล้วไม่เป็นเหตุให้ผู้ถือประทานบัตรได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินนั้น ฉะนั้นกรณีนี้ จุดที่เอกชนอ้างสิทธิ์จึงอยู่ในความดูแลของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 และกรมป่าไม้



กระทั่งปลายปี 2564 กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

DSI ร่วมกับป่าไม้ เเละสำนักงานที่ดินสงขลา สาขาจะนะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียน พบการปรับปรุงก่อสร้างอาคาร ล้อมรั้วแสดงอาณาเขต และเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว โดยผู้ครองได้อ้างสค.1 หลายฉบับ เเต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่ตรงตามข้อเท็จจริง พยานทุกคนยืนยันว่า จุดนี้ขอประทานบัตรทำเหมืองมาตลอด ไม่เคยมีชาวบ้านอาศัยทำกิน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสค.1



วันนี้จึงเข้าดำเนินคดี ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เเละความผิดฐานให้ข้อมูลเท็จ พร้อมติดป้ายประกาศตรวจยึด เเละสั่งห้ามใช้พื้นที่โดยเด็ดขาด

คุณอาจสนใจ

Related News