สังคม

บัณฑิตสาวเปิดใจ หอบชุดครุยไปหาพ่อ รอดตายจากรถทัวร์มรณะ ตั้งสติแม้เลือดเต็มหน้า

โดย nattachat_c

6 ธ.ค. 2566

4.3K views

รถทัวร์กรุงเทพ-นาทวี สายมรณะ ตกถนนเพชรเกษม ช่วงหน้าหาดวนกร ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ ชนต้นไม้ผ่าเป็นสองซีก มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ บาดเจ็บ 35 ราย คาดคนขับหลับใน ตำรวจจ่อสอบปากคำคนขับในโรงพยาบาล เบื้องต้นพบรถขับตามกฎ คือ 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขณะที่หนึ่งในผู้รอดชีวิต บัณฑิตสาวป้ายแดง โพสต์หลังเกิดเหตุ เผยกำลังเดินทางเอาชุดครุยไปให้พ่อ แต่มาประสบอุบัติเหตุก่อน ระบุตั้งสติแม้เลือดเต็มหน้า ต้องกลับไปหาพ่อกับแม่ให้ได้ ขณะที่ตัวแทนบริษัทศรีสยาม ยันพร้อมดูแลผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ


เมื่อกลางดึก เวลาประมาณเที่ยงคืน คืนวันที่ 4 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุสลด บริเวณถนนเพชรเกษม กม.331+450 ด้านซ้าย (ไหล่ทาง) หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร


โดยที่เกิดเหตุ รถทัวร์โดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ-นาทวี) ยี่ห้อ วอลโว่ สีฟ้า-ขาว เสียหลัก ลงไหล่ทางชนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 31 คน ผู้เสียชีวิต 14 คน รวมผู้โดยสารพร้อมคนขับ จำนวน 49 ราย


หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำคนเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ​และโรงพยาบาลทับสะแก


จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า สภาพถนนเป็นทางตรง จำนวน 4 ช่องจราจร เกาะกลางแบบร่อง ผิวทางแอสฟัลท์ โดยที่เกิดเหตุผิวทางดี ไม่มีหลุมบ่อ สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง แต่เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเกิดจากหลับใน

-------------

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยนายบุญชวน มักน้อย เจ้าของร้านอาหารแกงใต้ 13 หมูป่า (ห้วยยาง) กล่าวว่า


อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 14 ราย ตนในฐานะชาวบ้านในพื้นที่ อยากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ระมัดระวังการเดินทาง เส้นทางสายใต้ในช่วงอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กม.333-335 เนื่องจาก เส้นทางเป็นทางตรงยาว และมีเนินเป็นช่วง ๆ บริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่คนขับรถมักอ่อนเพลียเหนื่อยล้า และเกิดอาการหลับในได้


ส่วนตัวแล้ว สูญเสียครอบครัวทั้งพี่ชาย และน้องสาว ไปกับอุบัติเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่รถทัวร์ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ เช่นเดียวกัน

-------------

ต่อมา ที่โรงพยาบาลทับสะแก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคมกฤต เจริญพัฒนาสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม พร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อสรุปสถานการณ์ ตลอดจนความช่วยเหลือทั้งหมดให้กับผู้ประสบเหตุ


โดยนายคมกฤต เปิดเผยว่า สำหรับอุบัติเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.20 น. วานนี้ (5 ธ.ค. 66) บริเวณหลักกม. 331+450 ขาล่องใต้ ถ.เพชรเกษม บริเวณทางเข้าหาดวนกร มีผู้โดยสารทั้งหมดจำนวน 49 ราย (รวมพลขับ)

  • ผู้เสียชีวิต จำนวน 14 ราย
  • ผู้บาดเจ็บ จำนวน 31 ราย โดย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ 16 ราย // รพ.ทับสะแก 5 ราย // และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 10 ราย


ขณะเดียวกัน ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้คอยอำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต


เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวมุสลิม จะต้องทำพิธีทางศาสนา ภายในเวลา 24 ชม.โดยทางโรงพยาบาลทับสะแก ได้นำรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมด มาติดประกาศไว้ เพื่อให้ญาติได้ตรวจสอบข้อมูลที่บริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน


นายสาธิต พันโญศรัณยา ต้วแทนบริษัทรถทัวร์ ศรีสยามฯ ได้บอกถึงการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ว่า

บริษัทรถทัวร์ ศรีสยามฯ ซึ่งเป็นบริษัทรถที่เกิดอุบัติเหตุ ได้มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนในพื้นที่ดูแลผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต


โดยเบื้องต้น มอบค่าสินไหมให้ครอบครัวละ 5000 บาท และดำเนินการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนาฟรี โดยไม่คิดมูลค่า พร้อมทั้งคอยอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยบริษัทพร้อมรับผิดชอบ และดูแลทุกอย่าง


นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเรื่องประกันภัย พบว่า รถคันดังกล่าวได้ทำประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด โดยความคุ้มครองเบื้องต้น กรณีเสียชีวิต 600,000 บาท/คน กรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกายและอนามัย ตาม พ.ร.บ. จะได้รับความคุ้มครอง 80,000 บาท/คน

-------------

ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลทับสะแก เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติต่างทยอยมาติดต่อเพื่อขอเยื่ยมผู้บาดเจ็บ และขอรับร่างผู้เสียชีวิต บางรายถึงกับร้องไห้จนเป็นลม


นางสาวธมลวัลย์ หลักชัย อายุ 54 ปี หนึ่งในญาติของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า

ตนมีศักดิ์เป็นป้าของ นาวสาวกัลยากร พูลเอียด หรือ น้องดอกเข็ม อายุ 17 ปี ซึ่งเดินทางพร้อมกับแม่ชื่อ นางละมัย พูลเอียด อายุ 54 ปี เพื่อไปมอบตัวที่มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม


ขณะกำลังจะเดินทางกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 2 คนนั่งบนรถทัวร์คันเกิดเหตุ เลขที่นั่งเลขที่ 5 และ 6 กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้ง 2 คน


ซึ่งพ่อของน้องดอกเข็มเกิดอาการช็อก เมื่อทราบข่าวร้ายที่ต้องสูญเสียภรรยา และลูกสาวเพียงคนเดียว ไปพร้อมกัน จนไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ตนซึ่งเป็นป้า และย้ายมาอยู่อาศัยที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรับเป็นธุระจัดการเรื่องรับร่างให้ ซึ่งทางครอบครัวจะนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช


สำหรับน้องดอกเข็มเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี และมีอนาคตที่สดใส ไม่น่าจะต้องมาจากไปก่อนเวลาอันควร ตนย้ายมาอยู่ประจวบคีรีขันธ์นาน ทำให้ไม่สนิทกับหลานนัก แต่ทราบข่าวมาตลอด และล่าสุด ที่หลานสอบติดมหาวิทยาลัย ทางครอบครัวยังส่งข่าวมาบอกซึ่งตนก็ยินดี กระทั่งมีข่าวร้ายเกิดขึ้น

----------

ล่าสุด ญาติได้ติดต่อขอรับศพ และนำกลับไปภูมิลำเนาแล้ว 10 ราย คงเหลืออีก 4 ร่าง ซึ่งเก็บรักษาไว้ชั่วคราว ที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก


ส่วนผู้บาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกรับ-ส่ง มาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยาง เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งบางรายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่บางส่วนยังต้องรอดูอาการ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก จนเกิดแผลฉีกขาด กระดูกแขน และขาหัก ฯลฯ


ขณะที่ พลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยได้ช่วยอุ้มน้องมะลิ หนึ่งในผู้ประสบเหตุ ปลอบเด็กจนหลับ คือ นางสาวฐิตินันท์ อิ่มทั่ว หรือ คุณแนน สาวห้วยยาง กล่าวว่า

คืนเกิดเหตุได้มีโอกาสไปช่วยที่จุดเกิดอุบัติเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า มีพี่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันนำผู้บาดเจ็ บและเสียชีวิต ออกจากรถทัวร์ และมีพี่คนขับรถเทรลเลอร์ได้อุ้มเด็กไว้ก่อนแล้ว


ตอนที่เจอน้องพบว่า น้องมีอาการตกใจกลัว และร้องหาแม่ บอกว่าแม่อยู่บนรถ ตนได้ช่วยอุ้มต่อ ถามชื่อน้อง น้องบอกว่าชื่อ มะลิ ซึ่งน้องพูดเก่ง ไม่งอแง จึงได้พยายามปลอบ และบอกว่า พี่ ๆ กำลังช่วยแม่อยู่ ซึ่งน้องก็เข้าใจ ทั้งนี้ น้องมะลิมีบาดแผลเล็กน้อย แต่น้องบอกว่าทนได้


ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าน้องนั่งอยู่ส่วนไหน หรือคนไหนคือแม่ของน้องในเวลานั้น เนื่องจากน้องมะลิยังเล็กไม่สามารถให้ข้อมูลได้ บอกได้แต่เพียงว่าชื่อมะลิ มากับแม่ 2 คน ชื่อแม่ฟ้า เท่านั้น


ตนได้พยายามชวนคุย เพื่อปลอบใจไม่ให้น้องมีอาการกลัว จนน้องหลับบ้างตื่นบ้าง เพราะที่เกิดเหตุเสียงดัง กระทั่งเจ้าหน้าที่มารับน้องมะลิ มาที่โรงพยาบาลทับสะแก
-------------
วานนี้ (5 ธ.ค. 66) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า


ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวผู้โดยสารที่เสียชีวิต และผู้ที่ได้บาดเจ็บ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เข้าพื้นที่ ดูแล ประสานงาน และให้ความช่วยเหลือ ผู้โดยสารอย่างเต็มที


และ ให้ บขส.ไปหาแนวทาง หรือมาตรการ ในการป้องกันอุบัติเหตุที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก


นายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงศ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานคณะกรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้กำชับให้ บขส. เข้าช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต ตามข้อสั่งการของ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม


ซึ่งในเบื้องต้น นายสถานีเดินรถประจวบคีรีขันธ์ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ และเข้าไปดูแลผู้โดยสารแล้ว ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

-------------

ด้าน นางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)


ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจุดเกิดอุบัติเหตุ และได้เดินทางเข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าให้กับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลทับสะแก และจะเดินทางเยี่ยมผู้โดยสารที่กระจายตาม รพ.ต่างๆ เพื่อรักษาตัว


โดยนางสาวระพิพรรณ เปิดเผยว่า บขส. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก บขส. จะหาแนวทางในการวางมาตรการเรื่องความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น โดยยึดถือความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมต่อไป

------------

ช่วงเย็น วานนี้ (5 ธ.ค. 66) เจ้าหน้าที่จากสำนักวิศวกรรมยานยนต์ (สนว.) กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ


ตรงถนนเพชรเกษม กม.331+450 ด้านหน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบเส้นทาง ตั้งแต่บริเวณยูเทิร์นก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ระยะทางกว่า 400 เมตร ว่า มีพิกัดส่วนใดที่อาจเป็นอันตราย จนส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้หรือไม่


รวมทั้ง ตรวจสอบร่องรอยการเบรกของล้อรถ พิกัดจุดที่รถทัวร์เริ่มเสียการทรงตัว จุดที่ล้อรถทัวร์เริ่มลงข้างทางก่อนพุ่งชนต้นพะยอมขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 2 คนโอบ ซึ่งมีร่องรอยเปลือกต้นพะยอมฉีดขาด แต่ส่วนเนื้อในไม่เสียหายแต่อย่างใด รวมถึงตรวจสอบสภาพพื้นที่ถนนโดยรวมทั้งหมด


จากนั้น ได้ไปตรวจสอบรถทัวร์โดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ-นาทวี) ยี่ห้อ วอลโว่ สีฟ้า-ขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลากจูงไปเก็บรักษาไว้ห่างจาก สภ.ห้วยยาง ประมาณ 200 เมตร


โดยพบว่า สภาพรถฉีดขาดเสียหายจากการชนอย่างรุนแรง วัดความยาวจากส่วนหัวรถไปถึงจุดที่แผลฉีดขาด ได้ 6 เมตร


จากนั้น ได้ตรวจสอบสภาพโดยรวมของรถทัวร์ ทั้งเครื่องยนต์ ล้อ ยางรถ ส่วนโครงสร้างรถ ฯลฯ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักฐานอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง ของโศกนาฎกรรม 14 ศพ ในครั้งนี้ต่อไป

------------

พันจ่าอากาศเอก ฉัตรชัย สวียานนท์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและบรรเทาภัย อบต.ห้วยยาง กล่าวว่


ตนพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.ห้วยยาง ได้มาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ หากหันหน้าเข้ารถทัวร์ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณด้านซ้ายของตัวรถ โดยชั้นบน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ด้านล่าง 3 ราย และร่างกระเด็นหลุดตกออกมานอกรถ อีก 4 ราย


นอกจากนั้น พบว่า มีดวงดีอยู่สองคน คือ เด็กอายุ 4 ขวบ หลุดออกมานอกรถ แต่ไม่บาดเจ็บ และมีผู้ชาย อายุประมาณ 17 ปี นั่งด้านหน้าก็หลุดออกมาจากรถ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

------------

นายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า


ทีมผู้เชี่ยวชาญฯ จากหน่วยงานต่าง ๆ ยังไม่สรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ หลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุแล้ว โดยจะต้องนำข้อมูลไปวิเคราะห์ และประกอบกับหลักฐานอื่น เพื่อประกอบการพิจารณาหาสาเหตุที่แท้จริง อาทิ ประกอบกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบปากคำผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ฯลฯ


สำหรับความเร็วของรถทัวร์นั้น ทราบข้อมูลจากขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่า ตรวจสอบความเร็วได้ประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่ต้องไปดูเรื่องอื่นประกอบด้วย เช่น หลับในหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/J2ZX2-fKlSE



คุณอาจสนใจ

Related News