ตำรวจเร่งติดตามโชเฟอร์โฉดลวนลามสาวออฟฟิศ พูดจากข่มขู่หลังส่งถึงหน้าบ้าน

เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 6 โพสต์เรื่องราวเตือนภัย หลังมีผู้เสียหายสาว ขึ้นแท็กซี่สีเหลือง-เขียว เพียงคนเดียว แล้วถูกคนขับพูดจาข่มขู่คุกคามทางเพศตลอดทาง และยังจับกระชากมือตอนจ่ายเงินก่อนลงจากรถด้วย



ทีมข่าวพูดคุยกับผู้เสียหายผ่านทางโทรศัพท์ เธอเล่าว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้เรียกรถแท็กซี่จากหน้าห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ไปที่บ้านย่านประชาชื่น ซึ่งทันทีที่ขึ้นรถ คนขับก็หันมามองหน้าเธอ แล้วถามว่า มีแฟนหรือยัง เธอก็ตอบไปว่า แต่งงานแล้ว คนขับก็เงียบไม่ได้พูดอะไร



พอขับรถออกไป คนขับก็เริ่มพูดจาถึงรูปร่างหน้าตาของเธอ ในลักษณะของการ Sexual Harassment และพูดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ เธอเห็นท่าไม่ดี จึงรีบส่งข้อความ แจ้งชื่อคนขับและทะเบียนรถให้ทั้งครอบครัว เพื่อน และแฟน จากนั้นก็รีบโทรศัพท์หาแฟน พอคนขับได้ยินเธอคุยกับแฟน ก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า จะคุยกันทำไมตลอด อยู่บ้านก็นอนอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว



โดยคนขับยังได้ข่มขู่เธอ บอกให้วางสาย เขามีปืน และไม่กลัวตำรวจ ด้วยความกลัว เธอจึงแกล้งวางสาย แต่คาสายไว้เพื่อให้แฟนรับรู้เหตุการณ์ในรถ ซึ่งเธอเองก็ไม่กล้าที่จะขอลงจากรถ เพราะอยู่บนถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นถนนใหญ่



พอคนขับขับรถไปถึงทางแยก ปรากฎว่า คนขับขับเลี้ยวไปอีกทางที่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน เธอจึงทักท้วงว่า ให้ไปเส้นทางเดิม ตอนนั้นรู้สึกกังวลมาก เพราะทางที่คนขับเลี้ยวมา มันออกนอกเส้นทาง และเธอก็ไม่รู้เส้นทางด้วย กลัวว่าจะถูกพาไปที่อื่น แต่สุดท้ายคนขับก็ยอมเปลี่ยนเส้นทางกลับมาทางเดิมตามที่บอก แต่ระหว่างนั้นก็ยังพูดจาเรื่องเพศใส่เธออยู่ตลอด และลักษณะเหมือนเป็นคนสองบุคลิก อยู่ๆ ก็พูดว่า ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่ จริงๆ น้องหน้าตาไม่ดีหรอก แล้วก็วนมาพูดเรื่องเพศอีก

จากนั้นพอขับรถมาถึงปากซอยบ้าน ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว ได้มีรถอีกคันขับตามมา คนขับก็ถามว่า รถคนนั้นขับตามมาทำไม เธอก็บอกว่าไม่ได้ตามหรอก เขาอาจแค่จะมาทางนี้ เพราะทางมันเข้าออกได้ทางเดียว แต่คนขับก็ไม่ยอมขับต่อไป รอให้รถทุกคันขับผ่านไปให้หมดก่อน ถึงค่อยขับไป ตอนนั้นพ่อและแฟนมายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว และโทรเรียกตำรวจสายตรวจ พอถึงหน้าบ้าน เธอก็จ่ายเงิน จังหวะรับเงินคนขับได้จับมือเธอแบบกระชากเข้าหาตัว เธอเลยรีบสะบัดมืออก และจะเปิดประตูรถ คนขับก็ไม่ยอมปลดล็อกให้ จนเธอต้องดึงประตูปลดล็อกเอง แล้วคนขับก็ขับเข้าไปในซอย แต่ไม่ยอมวนออกมาสักที จนเธอห่วงความปลอดภัยของพ่อและแฟน บอกให้ทุกคนเข้าบ้าน ก็เลยไม่รู้ว่าคนขับ ขับรถวนกลับออกไปตอนไหน และตำรวจสายตรวจก็ไม่ได้มา



โดยเหตุการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกกลัวและส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังหวาดระแวงอยู่ ทั้งนี้ ตอนอยู่บนรถเธอไม่กล้าจะขัดขืน หรือหนีออกมา เพราะคนขับขู่ว่ามีอาวุธ และเธอก็ไม่มีจังหวะให้เปิดประตูรถหนี จึงได้แต่ตั้งสติ พยายามพูดดีๆ ให้คนขับใจเย็น และคอยดูเส้นทางให้ไปถึงบ้าน และหลังจากนั้นจึงไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น



โดยล่าสุด ตำรวจได้แจ้งความคืบหน้าว่า ทราบตัวคนขับรถแล้ว และได้มีการออกหมายเรียกในข้อหากระทำอนาจาร สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น ซึ่งตำรวจได้ติดต่อไปยังคนขับ ก็ยังไม่ยอมรับ ตำรวจจึงได้เรียกให้มาพบตามหมายเรียกในช่วงบ่ายวันนี้ คนขับก็อ้างแต่ว่าไม่มีเงินๆ จะไม่มา ซึ่งหากไม่มา ตำรวจก็ต้องออกหมายจับต่อไปตามขั้นตอน



ผู้เสียหาย บอกว่า เธอไม่ต้องการยอมความ อยากดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สมควรจะเกิด และเธอไม่ต้องการให้คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไปทำกับใครอีก โดยจุดที่เธอเรียกรถก็เป็นจุดที่มีนักเรียนนักศึกษาใช้รถโดยสารสาธารณะจำนวนมาก จึงค่อนข้างอันตราย วันนี้ยังโชคดีที่เธอไม่ได้เป็นอะไร แต่ยอมรับว่ารู้สึกกลัว จนคิดว่าหลังจากนี้จะไม่ใช้บริการรถสาธารณะอีกเลย

ล่าสุด วันที่ 5 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ facebook ของสาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความเตือนภัย ถูกผู้ขับขี่รถแท็กซี่โดยสารสาธารณะ พูดลวนลามและข่มขู่ ขณะนั่งโดยสารจากห้างฯย่านลาดพร้าว มาลงที่ซอยประชาชื่น 38 แขวง วงศ์สว่าง เขต บางซื่อ กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 เวลา 19.30 น. ที่ผ่านมา



พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ประชาชื่น ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น และชุดสืบสวนสน.ประชาชื่น กรณีดังกล่าว จากการสอบปากคำผู้เสียหายทราบว่า ผู้แจ้งนั่งโดยสารถยนต์นั่งสาธารณะคันหมายเลขทะเบียน 1 มข 8952 กรุงเทพฯ สีเขียว-เหลือง โดยสารมาจากหน้าเซนทรัลลาดพร้าวมายังซอยประชาชื่น 38



เมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านผู้แจ้ง ได้มีนายพัลลภ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ผู้ขับขี่ ได้กกระทำการลวนลามผู้แจ้งโดยการจับมือผู้แจ้งขณะที่ผู้แจ้งกำลังจ่ายเงินค่าโดยสารผู้แจ้งจึงสะบัดมือออก ขณะที่โดยสารมาระหว่างทางนายพัลลภได้พูดจาแทะโลมผู้แจ้งพร้อม ทั้งข่มขู่พยายามพูดแสดงว่าตนเองมีอาวุธปืน ผู้แจ้งจึงมาแจ้งความเพื่อที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับนายพัลลภจนถึงที่สุด



เบื้องต้นสอบคำให้การผู้กล่าวหา และทำบันทึกตรวจสถานที่เกิดเหตุแผนที่เกิดเหตุ ออกหมายเรียกผู้ต้องหาดังกล่าวข้อหาอนาจาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย