สังคม

พ่อแม่วัยชรา ร้องทุกข์ตำรวจ ถูกลูกชายอมเงินในบัญชี 2 ล้านบาท

โดย nutda_t

30 พ.ย. 2566

546 views

ที่ สภ.เมือง จ.สิงห์บุรี นายนพพงศ์ อายุ 87 ปี พร้อมนางเซาะเค็ง อายุ 86 ปี ภรรยา ช่วยกันพยุงร่าง พากันขึ้นไปร้องทุกข์กับ ร.ต.อ. สภาพร บุตตะกะ พนักงานสอบสวน

โดย นายนพพงศ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เปิดกิจการทำร้านจำหน่ายเสื้อผ้า มีบุตรชายทั้งหมด 4 คน ซึ่งแยกย้ายกันไปครอบครัวกันหมด ตนจึงอาศัยอยู่กันเพียงลำพังสองสามีภรรยา ต่อมาเมื่อหลายปีก่อน โชคดีถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงินมาก้อนหนึ่ง จึงเลิกกิจการขายเสื้อผ้า เนื่องจากมีอายุมากแล้ว และยังพอมีเงินจากการถูกรางวัลไว้ใช้ในปั้นปลายของชีวิต และเมื่อปี 2561 ได้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาท ไปซื้อสลากออมสินพิเศษ ในชื่อของภรรยา เป็นเจ้าของสลาก

ต่อมาในปี 2562 ภรรยาเกิดประสบอุบัติเหตุ หกล้มกระดูกต้นขาหัก ต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถยืนหรือเดินได้ด้วยตนเอง ซึ่งในช่วงเวลาการรักษาตัวนั้น นายวิโรจน์ บุตรชายคนโต ได้มารับนางเซาะเค็ง ไปดูแลและพักอาศัยอยู่ด้วยที่จ.ลำปาง กระทั่งต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ทราบว่า นายวิโรจน์ ได้นำเงินของนางเซาะเค็ง ผู้เป็นแม่ ไปซื้อสลากออมสินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมเปลี่ยนชื่อผู้ฝากจากนางเซาะเค็ง เป็นชื่อนายวิโรจน์ แทน นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินของนางซาะเค็ง ที่หายไปหลายรายการ อาทิเช่น สร้อยทอง แหวนเพชร พระเลี่ยมทอง กำไล ตุ้มหู ฯลฯ

นายนพพงศ์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับภรรยาเพียงสองคนที่สิงห์บุรี ตนต้องคอยดูแลภรรยาที่เดินไม่ได้ หูก็ไม่ค่อยได้ยิน โดย นายวิโรจน์ จะส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 10,000 บาท ตนยอมรับว่า เงินที่ลูกชายส่งมาให้ใช้นั้น ไม่พอเพียงต่อการดำรงชีพ เพราะทั้งตนและภรรยา ต่างก็ชรา ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวก อาหารการกิน ความเป็นอยู่ก็ต้องจ้างวานให้คนอื่นออกไปซื้อหามาให้ทุกอย่าง เงินที่มีอยู่ 2 ล้านบาท อยากให้ลูกนำเงิน 1 ล้านบาท มาไว้ให้พ่อแม่ใช้ในปั้นปลายของชีวิต ที่เหลืออีก 1 ล้านบาท ยกให้ลูกๆทั้ง 4 คน ตนเชื่อว่าเงินจำนวน 1 ล้านบาท ตนและภรรยาใช้ไม่หมด คงต้องตายก่อน ซึ่งหากถึงเวลานั้นมีเงินเหลือเท่าไหร่ ก็ให้ลูกๆทั้ง 4 คน นำมาจัดสรรแบ่งปันกันไป

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อพูดคุยกับนายวิโรจน์ ทางโทรศัพท์เปิดเผยว่า ผู้เป็นพ่อมีพฤติกรรมงมงายกับเรื่องเกี่ยวกับเหล็กไหล ที่ผ่านมาตลอดหลายสิบปี สูญเงินทองไปมากมาย จนลูกทุกคนเห็นว่าหากเงินอยู่ที่พ่อก็คงจะหมด เนื่องจากขณะนี้แม่ของตน เป็นเหมือนบุคคลที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ตนจึงทำหน้าที่ดูแลเงินทองของแม่ทั้งหมด ที่ผ่านมาต้องการนำแม่มาดูแล แต่ถูกพ่อปฏิเสธ ทำได้แค่เพียงส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน แต่ดูเหมือนพ่อต้องการนำเงินไปใช้ในส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์มากกว่าจะนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ลูกยักยอกเงินแม่

คุณอาจสนใจ