สังคม

ตำรวจไซเบอร์ค้นโกดังสินค้าขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง ยึดของกลางกว่า 3 หมื่นชิ้น

โดย gamonthip_s

28 พ.ย. 2566

672 views

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัท ตั้งอยู่ที่ ซ.สะแกงาม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน
ที่เกิดเหตุเป็นโกดังสินค้าให้เช่าขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบนางอารียา อายุ 64 ปี และนายหยุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4422-4423 /2566 ลงวันที่ 27 พ.ย. ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงได้คุมตัวไว้ อีกทั้งได้คุมตัวบุคคลต่างด้าวกว่า 20 คน ขณะกำลังนั่งแพคสินค้า



ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 20 คนบางส่วน มีหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง บางส่วนไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเป็นกล่องพัสดุ และสินค้าจำนวนมากกว่า 3 หมื่นชิ้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้


พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าประเภทคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนมากที่สุด คือ หลอกขายของออนไลน์ โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-31 ต.ค. มีการแจ้งความ 3.5 แสนราย เป็นเรื่องของการหลอกซื้อสินค้า 1.4 แสนราย



ซึ่งทางนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการซื้อสินค้า พร้อมเร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวน กระทั่งพบว่ามีขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงได้ดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากโกดังดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหา และผู้ร่วมขบวนการ



พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวน พบว่าขบวนการนี้มี นายถูเซงเปียว อายุ 44 ปี ชาวจีน เป็นผู้เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว และจะใช้โกดังเป็นสถานที่แพ็กสินค้าใช้วิธีการเก็บสินค้าไว้ที่โกดัง แต่จะใช้วิธีนำสินค้ามาครั้งละ 3 หมื่นชิ้น เพื่อให้คนงานแพคสินค้า ก่อนขนย้ายเพื่อกระจายส่ง โดยเฉลี่ยแล้วในการส่งแต่ละครั้งจะมีการตีคืนพัสดุ 2.5 หมื่นกล่อง ส่งสำเร็จ 5 พันกล่องคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท โดยทำมากว่า 1 ปี  ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้โกดังย่านบางกระดี่ ก่อนย้ายที่ตั้งมาที่โกดังแห่งนี้


พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ขบวนการนี้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนบางส่วน เข้าใจว่าตนเองไม่ได้สั่งสินค้าอะไรเลย แต่จู่ๆกลับมีสินค้ามาส่งที่บ้าน แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่ม ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ ที่ไม่เข้าใจไม่ทันระวังก็ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการป้องกันมิจฉาชีพเหล่านี้คือ ถ้าเราไม่ได้สั่งสินค้าอะไรก็อย่าไปหลงเชื่อหรืออีกกรณีถ้าไม่แน่ใจว่าได้สั่งหรือไม่ ให้ใช้วิธีอัดวีดีโอ เพื่อตรวจสอบว่าของตรงกับที่เราสั่งไปหรือไม่ถ้าของตรงตามที่สั่งก็ถือว่าจบ แต่ถ้าไม่ตรงตามที่สั่งก็ให้ส่งหรือตีกลับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด




ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาเราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1. ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดัง จำนวน 2 ราย ส่วนที่ 2 คือ คนงานที่ทำงานอยู่ภายในโกดังประมาณกว่า 20 คน ตรวจสอบพบว่าไม่มีพาสปอร์ต 18 คน จึงแจ้งข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนที่ 3 คือบุคคลตามหมายจับ ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าเป็นเจ้าของหรือรับหน้าที่ในส่วนใดของขบวนการ

คุณอาจสนใจ

Related News