สังคม

เปิดประวัติ "ดาบวิชัย" คนบ้าปลูกต้นไม้ ลูกสาวเตรียมฌาปนกิจร่าง 5 ธ.ค.

โดย paranee_s

27 พ.ย. 2566

1.3K views

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนสุริยุทธ เลขที่ 192 หมู่ 4 บ้านพิมาย ต.พิมาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ นางกฤษฏาวัลย์ สุริยุทธ อายุ 55 ปี ลูกสาวคนโตของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ หรือที่รู้จักกันในนาม “ดาบวิชัย” นักปลูกต้นไม้ชื่อดังของประเทศไทย กำลังร่วมกับครอบครัว ญาติพี่น้องร่วมกันกางเต๊นท์ และจัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้ อาสนะพระสงฆ์ และเครื่องเสียง เพื่อเตรียมจัดงานศพของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ นายตำรวจนักปลูกต้นไม้ชื่อดัง ซึ่งได้เสียชีวิตอย่างสงบที่ รพ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2566 เวลา 22.30 น. ที่ผ่านมา



นางกฤษฏาวัลย์ อายุ 55 ปี ลูกสาวคนโตของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ เล่าว่า คุณพ่อป่วยครั้งแรกด้วยโรคความดันเบาหวานเสร็จแล้วก็เป็นโรคไตและต้องทำการฟอกโรคไตเมื่อปี 2559 เป็นต้นมา จากนั้นก็ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจตีบต้องทำบายพาสซึ่งหนักมาก หลังจากนั้นต้องไปฟอกไตอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ๆ



ล่าสุดเลยก็คือ เส้นเลือดในสมองตีบทำให้เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีสะเกษนานกว่า 3 เดือนจากนั้นก็ได้นำกลับมารักษาต่อที่บ้าน ขณะนั้นอาการของคุณพ่อก็เริ่มดีขึ้นเริ่มรับคำสั่งต่าง ๆ ได้แต่ต่อมาได้เป็นแผลกดทับทำให้มีไข้แล้วก็มีอาการอาเจียน ตนจึงได้รีบพาคุณพ่อไปที่โรงพยาบาลปรางค์กู่จากนั้นโรงพยาบาลปรางค์กู่ได้ส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ไปอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566



และต่อมาคุณพ่อได้มาเสียเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 22.30 น.ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ รักษาตัวอยู่ 13 วันพอดี ซึ่งหมอที่โรงพยาบาลศรีสะเกษก็ได้พยายามรักษาคุณพ่ออย่างเต็มที่แล้วโดยคุณพ่อเสีย ซึ่งคุณหมอบอกว่าสาเหตุที่เสียชีวิตเนื่องจากเป็นแผลกดทับ เพราะว่าไปผ่าตัดเอาเนื้อตายออกครั้งที่ 1 ก็ไม่เป็นไร แต่พอครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ก็มีเลือดออกเยอะมาก เพราะว่าแผลไม่ดีเลยทำให้เสียเลือดเยอะและความดันตกซึ่งคณะ แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลศรีสะเกษและโรงพยาบาลปรางค์กู่ก็ได้ช่วยดูแลอย่างเต็มที่โดยการให้ยาอย่างดีที่สุด แต่ว่าคุณพ่อก็อาจจะสู้ไม่ไหวทำให้คุณพ่อเสียชีวิตในที่สุด



นางกฤษฏาวัลย์ อายุ 55 ปี ลูกสาวคนโตของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ เล่าต่อไปว่า ขณะนี้ร่างของคุณพ่อยังอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ซึ่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2666 เวลา 09.00 น. ตนจะไปรับศพคุณพ่อออกมาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเลขที่ 192 หมู่ 4 บ้านพิมาย ต.พิมาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของตน โดยจะประกอบพิธีรดน้ำศพในเวลา 16:00 น. จากนั้นเวลา 19:00 น. ก็จะประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก และประกอบพิธีฌาปนกิจศพคุณพ่อในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ที่วัดศรีปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0924270979 โดยล่าสุดทางทำเนียบรัฐบาลได้โทรศัพท์มาถึงตนเพื่อสอบถามถึงกำหนดการประกอบพิธีศาสนาศพของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัติของ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ นักปลูกต้นไม้ชื่อดังของประเทศไทย เพจของ พระไพศาล วิสาโล ประธานกรรมการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ ได้โพสต์อาลัย "ดาบวิชัย" ปิดตำนานคนบ้าปลูกต้นไม้ จากไปด้วยวัย 77 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566



โดยประวัติ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ หรือที่รู้จักกันในนาม ดาบวิชัย เป็นที่รู้จักจากการปลูกต้นไม้มากกว่า 2 ล้านต้น ใน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ จนสามารถพลิกพื้นป่าที่แห้งแล้งที่สุด กลับมาเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ดาบวิชัย เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2489 ในพื้นที่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนทั้งหมด 6 คน บิดา มารดา มีอาชีพ ชาวนา ฐานะทางบ้านจึงยากจน ขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มารดาก็เสียชีวิต บิดาจึงต้องทำนาคนเดียว และเขาจึงต้องรับจ้างทำงานสารพัด



กระทั่งได้ศึกษาต่อที่ ร.ร.ศรีสะเกษวิทยาลัย ชีวิตข้าราชการตำรวจ หลังจบ ร.ร.พลตำรวจ 3 จ.นครราชสีมา ในปี พ.ศ.2511 ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ประจำ สภ.เมืองศรีสะเกษ ต่อมาในปี พ.ศ.2513 ย้ายมาประจำ สภ.ปรางค์กู่ กระทั่งในปี พ.ศ.2548 ได้รับพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษเป็น "ร้อยตำรวจตรี" จากการอุทิศตนต่อประเทศชาติ จนเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2549 ขณะดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปรางค์กู่





ซึ่งเมื่อ พ.ศ. 2530 จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยระบุว่า อ.ปรางค์กู่ เป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดใน จ.ศรีสะเกษ และ จ.ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย มีการปล้นชิงลักขโมยเป็นคดีความมากมาย ดาบวิชัยในฐานะผู้เติบโตมาในพื้นที่ และเจ้าพนักงานสอบสวนรับรู้ถึงปัญหามาตลอด จึงเกิดความคิดที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ให้ดีขึ้น จากความคิดของเขา ทำให้เขาตัดสินใจปลูกต้นไม้ เนื่องจากเห็นว่าจะผลที่จะตามมาจะเป็นผลที่ยั่งยืน เป็นประโยชน์ไปถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลาน



พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา ทุกเช้าและหลังเลิกงานของวัน ดาบวิชัยจะขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนปลูกต้นไม้ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ใน อ.ปรางค์กู่ โดยในระยะแรก ในสายตาชาวบ้าน เขาถูกมองว่าเป็นคนบ้า แม้ว่าจะถูกสังคมมองไปในทางเช่นนั้น เขาก็ยังคงปลูกต้นไม้อยู่เรื่อยไป



จนกระทั่ง พ.ศ. 2541 สังคมเริ่มเห็นผลจากการปลูกต้นไม้ของเขา เกิดโครงการปลูกต้นไม้ในที่สาธารณะเพื่อส่วนรวมเกิดขึ้น ได้แก่ รณรงค์ปลูกต้นยางนา เพื่อเอาไว้สร้างบ้านเรือน รณรงค์ปลูกต้นตาล ซึ่งเป็นพืชสารพัดประโยชน์ รณรงค์ปลูกต้นคูน ต้นไม้ประจำภาคอีสานและประจำชาติไทย และ รณรงค์ให้เปลี่ยนการทำนาปีเป็นไร่นาสวนผสม จน อ.ปรางค์กู่ กลายเป็นอำเภอที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งต้นไม้ที่เขาปลูกนั้นสามารถสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านในอำเภอได้



พ.ศ. 2543 ประชาคม อ.ปรางค์กู่ทั้ง 10 ตำบล ได้พร้อมใจกันลงมติให้ใช้ 4 โครงการรณรงค์ดังกล่าวเป็นคำขวัญของ อำเภอปรางค์กู่ ที่ว่า “ปรางค์กู่อยู่ในป่ายางกลางดงตาล บานสะพรั่งดอกคูน บริบูรณ์ไร่นาสวนผสม” หมวดวิชัย ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) เมื่อปี พ.ศ.2526



ซึ่งหมวดวิชัย มักจะกล่าวเสมอว่า "...ผมว่าโลกของวัตถุเป็นสิ่งสมมุติทั้งนั่นแหละครับ ความสุขที่แท้จริง ก็อยู่กับธรรมชาติ และรู้จักเคารพธรรมชาติ ต้นไม้นี่ผมจะต้องปลูก ปลูกไปเรื่อย ๆ ปลูกจนกว่าจะตาย..." และบ่อยครั้ง ร.ต.ต.วิชัย จะพูดว่า “ผมจากไป แต่ต้นไม้ยังอยู่” การจากไปของหมวดวิชัย คนบ้านปลูกต้นไม้ สร้างความโศกเศร้าเสียใจแก่ครอบครัว และเครือข่ายนักอนุรักษ์ธรรมชาติของประเทศไทยทุกคนเป็นอย่างมาก

คุณอาจสนใจ

Related News