เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยชนะ' แย้ม 9 ธ.ค.นี้ ประชาธิปัตย์ ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แน่! เชื่อ 'เฉลิมชัย' ไม่คืนคำนั่งหัวหน้าพรรคเอง

โดย paweena_c

17 พ.ย. 2566

74 views

ชัยชนะ ยืนยัน 9 ธ.ค. พรรคประชาธิปัตย์ ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แน่นอน เชื่อ 'เฉลิมชัย' ไม่คืนคำนั่งหัวหน้าพรรคเอง

นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมวิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 9 ธ.ค. นี้ ว่า พรรคได้กำหนดเพิ่มองค์ประชุมในข้อบังคับพรรค โดยให้สมาชิกพรรคแต่ละภาคๆ 30 คน แสดงความจำนงที่จะเป็นองค์ประชุม หากองค์ประขุมไม่ครบ หากเกินก็จะจับฉลาก

ส่วนผู้ที่จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เท่าที่ทราบตอนนี้ยังเป็นเพียงข่าวว่าใครจะลงบ้าง แต่คนที่แน่ชัด และยืนยันกับสื่อมวลชนไปในวันประชุมกรรมการบริหารพรรค ก็คือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส่วนคนอื่นๆ ที่ปรากฏเป็นข่าว ต้องให้เจ้าตัวเป็นผู้ยืนยันก่อนว่าจะลงชิงจริงหรือไม่

วันนี้ต้องรอให้ชัดเจนว่า นายนราพัฒน์ ยังยืนยันลงหัวหน้าพรรคหรือไม่ ถ้ามีการพูดคุยชัดเจนเราก็มานั่งสรุปกันว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการ หัวหน้าพรรคและ เลขาธิการพรรค จะเป็นเองหรือไม่ เห็นว่า นายเฉลิมชัย มีบุคลิกรักษาคำพูด คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว เมื่อประกาศเลิกเล่นการเมือง ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ตนคิดว่าการที่นายเฉลิมคิดกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อันนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะพูดในที่ประชุมชัดเจนว่า เลิกเล่นการเมือง แต่จะช่วยดูแลพรรค ช่วยสนับสนุนพรรค เนื่องจากพรรคได้ให้กำเนิดทางการเมือง ให้โอกาสเป็นรัฐมนตรี รวมถึงให้ประสบการณ์และสอนอะไรหลายอย่าง ตนคิดว่าประเด็นที่คิดว่านายเฉลิมชัยจะมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นตัดไปได้เลย

ส่วนปัญหาความขัดแย้ง ทางความคิดภายในพรรค ตนอยากให้เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็น สถาบันทางการเมือง เราอยู่มา 77 ปี ก้าวสู่ปีที่ 78 ณ วันนี้เราอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนั้นต้องเปลี่ยนผ่าน 3 ชั่วอายุคน 1.คนรุ่นเก่า 2.คนรุ่นกลาง 3.คนรุ่นใหม่ ดังนั้นการที่จะให้คน 3 ยุค เข้าใจกันในทีเดียวก็คงไม่ใช่ และต้องยอมรับว่าทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการฟื้นพรรคให้กลับมาเป็นพรรคหลัก เพียงแต่วิธีคิด กระบวนการ แนวทางการทำงาน อาจจะต่างกันอยู่บ้าง สิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดคุย ถ้าได้มีการพูดคุยกัน ทุกอย่างก็ดีขึ้น

ท้ายสุดแล้ว มันต้องเปิดอกมาคุยกันว่า ในการเปลี่ยนผ่านนี้ มันไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง มันเป็นการเปลี่ยนผ่านของสถานการณ์ เปลี่ยนผ่านของเวลา เปลี่ยนผ่านของช่วงอายุคน เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องคุยกันก็คือสิ่งไหนที่พรรคทำและดีอยู่แล้วก็ต้องรับไปทำต่อ สิ่งไหนที่ต้องปรับให้เข้ายุค ทันสมัยก็ต้องทำ

สถานการณ์การเมืองวันนี้ กระแสของคนรุ่นใหม่มีเยอะขึ้น พรรคมีหลัก และอุดมการณ์อยู่แล้ว ก็ต้องรับไปทำต่อ สิ่งไหนที่ต้องปรับให้เข้ายุคสมัยก็ต้องทำต่อไป การเมืองไทยในวันนี้แข่งขันกันทางความคิด ถ้าพรรคไหนสามารถนำเสนอความคิด แล้วทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ตนก็คิดว่าพรรคนั้นก็จะเป็นทางเลือกให้ได้กลับมา

นอกจากนี้นายชัยชนะ ยังมั่นใจว่า ก่อนถึงวันประชุมวิสามัญ จะพูดคุยกันได้ โดยระบุว่า ในเมื่อทุกคนยืนยันออกจากปากว่ารักพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนยึดมั่นว่าจะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องพูดคุยกันได้ ถ้าความรักนั้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ใช่ความรักที่ออกมาแค่ลมปาก ก็คิดว่าต้องคุยกันได้อยู่แล้ว

คุณอาจสนใจ

Related News