'ตร.สอบสวนกลาง' จับนายทุนรับซื้อรถหลุดจำนำ พบมี 94 หมายจับ ผู้เสียหายสูญเงินร่วมเกือบ 20 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง จับผู้ต้องหา นายทุนรับซื้อรถหลุดจำนำ ที่มีหมายจับมากที่สุด ถึง 94 หมายจับ ผู้เสียหายสูญเงินโดยไม่ได้คืนร่วมเกือบ 20 ล้านบาท โดยผู้ต้องหากระทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยรับซื้อรถจากเพจรับจำนำรถ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมาขายต่อ และนำเงินใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ซื้อรถหรู อีกทั้งยังมีคดีเก่าที่ถูกแจ้งจับ แต่ผู้ต้องหาได้ประกันตัว และหนีคดีในชั้นศาล


ผู้ได้รับความเดือดร้อน จากการเข้าไปซื้อรถ มือสอง ตามเพจรถหลุดจำนำ เมื่อทราบว่า ผู้ต้องหา ถูกจับไปแล้ว แต่ได้ประกันตัว จึงไปตามหา เพื่อคืนรถและขอเงินคืน เนื่องจากรถไม่มีหลักฐาน เล่มทะเบียน แต่กลับไม่พบตัวนายจักรภพ เผื่อนพึ่ง อายุ 32 ปี ที่บ้านใน จ.มหาสารคาม ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า นายจักรภพสนิทกับเจ้าหน้าที่บางคน


ชาวบ้านจากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.มหาสารคาม ได้รับความเดือดร้อน เป็นอย่างมาก รวมตัวกันแจ้งความถึง 94 หมายจับ รวมคดีอาญาถึง 104 คดี และเนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกง คนร้ายไม่ได้เกรงกลัวกฎหมาย ย่ามใจทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยโพสต์ขายรถในราคาต่ำกว่าท้องตลาด อ้างว่าเป็นรถประมูลมา และทำเล่มปลอมให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้มีผู้เสียหายขณะนี้ 94 รายที่แจ้งความ รวมสูญเงิน 20 ล้านบาท ยังไม่รวมที่ไม่แจ้งความอีกส่วนหนึ่ง


ตำรวจสอบสวนกลาง โดยตำรวจกองปราบปราม จึงได้สะกดรอยติดตาม ไปจับนายจักรภพ ได้ที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในอ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยนายจักรภพไม่ได้มีทีท่าตกใจ เบื้องต้นผู้ต้องหารายนี้ยังให้การปฏิเสธ


พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม และหัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางระบุว่า ผู้ต้องหาจะรับรถที่จำนำ มาโพสต์ขายต่อในเพจจักรภพ มอร์เตอร์ และยืนยันว่ามีเล่มให้ภายหลัง


มีผู้หลงเชื่อซ้ำเงินสด แต่เมื่อรถไม่มีหลักฐานใดๆ ทำให้เมื่อถูกตำรวจเรียกตรวจ ก็พบว่าเป็นรถที่ติดไฟแนนซ์ และเจ้าของนำไปจำนำไว้ และถูกขายให้นายทุน ซึ่งเปิดเพจขายรถหลุดจำนำ ผู้หลงเชื่อไปซื้อ จึงสูญเงินเปล่า เพราะรถถูกยึด ไฟแนนซ์ก็มาตามกลับไป และบางคัน เจ้าของยังผ่อนไฟแนนซ์อยู่ก็ต้องมาพิสูจน์ทราบอีก


เจ้าหน้าที่จึงเตือนว่า รถที่นำมาโพสต์ขายในเพจรถหลุดจำนำ และราคาถูกกว่าปกตติ ให้สันนิษฐานว่า รถมีที่มาโดยมิชอบ เมื่อซื้อไป โดยไม่มีเล่มทะเบียนถูกต้อง ก็ต้องถูกยึด


และสูญเงินเปล่า ส่วนผู้ต้องหารายนี้ยังอยู่ระหว่างประกันตัวและหลบหนีชั้นศาล และออกมาทำผิดซ้ำอีก ถึง 94 หมายจับ ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย ทำให้คดีฉ้อโกง ซึ่งมีมากเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย ขณะนี้จะต้องปรับโทษให้ผู้ต้องหาได้รับโทษ