กระบะเมาซิ่งชนยับ เสียชีวิต 2 เจ็บ 1 ลากศพไปไกลกว่าร้อยเมตร

เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 10 พ.ย.66 พ.ต.ท. สมชาย สาคร สว. (สอบสวน) สภ.คลองด่าน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถชนกันสามคันที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนปานวถี ใกล้วัดท้องคุ้ง ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จึงประสานเจ้านหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและอาสมัครไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบร่าง นางสาว ปริญากร อายุ 16 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเสียชีวิตในสภาพคล้ายถูกรถทับซ้ำ ใกล้กันยังพบเศษซากชิ้นส่วนของพ่วงข้างรถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่รถรวมถึงรองเท้า และโทรศัพท์ตกกระจายเกลื่อนพื้น ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร พบศพ นายธนา อายุ 16 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอีกราย ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าพ่วงข้างถูกชนจนกระเด็นตกลงไปในคูน้ำห่างจากจุดชนกว่าร้อยเมตร

ส่วนคู่กรณีจอดห่างไปราวหนึ่งกิโลเมตร พบเป็นรถกระบะอีซุซุ สี่ประตู ลักษณะแต่งซิ่ง สีชมพู หมายเลขทะเบียน ญษ 8779 กรุงเทพมหานคร จอดนิ่งโดยมีร่องรอยการชนที่ด้านหน้าซ้าย นอกจากนั้นยังมีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุตู้ทึบ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒข 2765 กรุงเทพมหานคร อีกคันที่จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าฝั่งซ้ายพังยับเยิน กระจกหน้าแตกร้าว เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปลงบันทึกประจำวันในที่เกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นที่เกิดเหตุยังมีคนเจ็บอีกหนึ่งรายเป็นคนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เจ้าหน้าที่ฯ ส่งโรงพยาบาลบางบ่อ

ขณะที่เกิดเหตุฝ่ายมารดาที่ทราบเรื่องรีบเดินทางมาดูสภาพศพลูก เจ้าตัวถึงกับเข่าทรุดร้องไห้โฮด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สอบถาม บุญฤทธิ์ ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะที่นั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้านตรงจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถกระบะคล้ายขับแข่งกันลงมาจากสะพานข้ามคลองด้วยความเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงโคร่มสนั่นพอหันไปดูก็พบว่ามีรถ จยย.ถูกชนแ ละมีผู้บาดเจ็บนอนกลางถนนน จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ส่วนคนขับรถกระบะ พบว่าเมาอย่างหนัก และพยายามหลบหนีทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงมีการเข้าทำร้ายร่างกายคนขับ

ด้าน นายวิวรรธ์ คนขับรถกระบะตู้ทึกคู่กรณี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ต้องรีบเอาตัวขึ้นรถมายัง สภ.คลองด่าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก และเจ้าตัวให้การเบื้องต้นทั้งที่ยังร้องไห้ฟูมฟาย บอกว่าตนขับมาแค่ 60-70 เอง และไม่ได้แข่ง ตำรวจจึงเอาเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์ในกระแสเลือด มาขอให้เป่าดู พบตัวเลขขึ้นไปสูงถึง 190 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงนำตัวดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป