หลายชาติในละตินอเมริกาเริ่มตัดสัมพันธ์ทางการทูตอิสราเอล พร้อมทั้งประณามปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล

โบลิเวียเป็นชาติแรกในอเมริกาใต้ที่ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล โดยนายเฟรดดี้ มามานี (Freddy Mamani) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโบลิเวียได้ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลโบลิเวียขอประณามปฏิบัติการโจมตีทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา เป็นการกระทำที่ก้าวร้าว ไม่เหมาะสม ถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์



ด้านประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร (Gustavo Petro) โพสต์ข้อความลงแพลตฟอร์ม X ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา เป็นการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์



นอกจากโบลิเวียแล้ว ชิลี และโคลอมเบียยังได้เรียกทูตของตนประจำอิสราเอลกลับมาปรึกษาหารือถึงสถานการณ์ในกาซา และยังร่วมประณามปฏิบัติการอิสราเอลในครั้งนี้ที่ทำให้พลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิต



ขณะที่ชาติอื่นๆในละตินอเมริกา คือเม็กซิโก และบราซิล ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิง ซึ่งผู้นำบราซิลบอกว่า ถือเป็นความไม่ปกติของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่ต้องการกวาดล้างและทำลายฉนวนกาซา



อย่างไรก็ตามอิสราเอลยังคงเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีในกาซาอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้อิสราเอลได้ทิ้งระเบิดหนัก 1 ตัน จำนวน 6 ลูก ถล่มค่ายอพยพจาบาลิยาห์ ทางตอนเหนือของกาซา ทำให้หลายฝ่ายออกมาประณามอย่างหนัก เหตุดจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ตายไปกว่า 50 คน บาดเจ็บ 150 คน แต่อิสราเอลบอกว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถสังหารฮามาสได้มากกว่า 50 คน อิสราเอลยังบอกอีกว่า นับตั้งแต่ 7 ตุลาคม กองกำลังอิสราเอลโจมตีเป้าหมายฮามาสในฉนวนกาซา กว่า 1 หมื่น 1 พันจุดแล้ว



มีรายงานว่า ในวันนี้ระบบการสื่อสารในกาซา ทั้งโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตถูกตัดขาดทั้งหมดอีกครั้ง



มีรายงานว่า ในวันนี้จะมีการเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ที่ติดกับอียิปต์ด้วย เพื่อให้นำชาวปาเลสไตน์ที่บาดเจ็บมารักษา



ด้านกระทรวงสาธารณสุขของกาซา เผยว่า ตอนนี้มีชาวปาเลสไตน์ในกาซา เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลมากกว่า 8 พัน 500 คนแล้ว