คัมแบ็ก! รวบ 'ลุงวี ขอทานเงินแสน' โผล่ตลาดบ้านบึง หลังเคยถูกส่งกลับประเทศ อ้างจนท.กัมพูชาไล่กลับไทย

ลุงวี หลังค่อมขอทานเงินแสน ที่โด่งดังในโซเชียล หลังถูกจับผลักดันกลับประเทศกัมพูชา ล่าสุดมาโผล่ตลาดบ้านบึง โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพม.จับส่งกลับประเทศอีกรอบ เจ้าตัวอ้างเจ้าหน้าที่ประเทศกัมพูชาไล่กลับไทย

จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวของลุงวี หลังค่อม ขอทานเงินแสนที่กำลังโด่งดังในโซเชียล และย้ายที่ขอทานตามจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งเคยถูกจับตัว และถูกผลักดันส่งกลับไปยังประเทศกัมพูชา จนหายเงียบไป 1 ปี ล่าสุดมีชาวโซเชียลได้โพสต์คลิปลุงวี พบตัวอยู่แถวตลาดเคหะบางพลี จ.สมุทรปราการ จนเป็นกระแสโด่งดัง

ล่าสุดวันนี้ (28 ตุลาคม 2566) เมื่อเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหนองชาก ตำบลหนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งว่าพบตัวลุงวี ขอทานหลังค่อมเงินแสน กำลังเดินขอทานในตลาด เมื่อไปถึงได้พบตัวนายวี อายุ 57 ปีชาวกัมพูชา พร้อมเงินสด ประมาณ 400 บาท

จากการสอบถามนายวี เล่าว่าตนได้ลักลอบเข้ามาเมืองไทยได้ประมาณ 1 เดือน ตอนที่ถูกจับและถูกส่งกลับประเทศกัมพูชา ตนก็ถูกเจ้าหน้าที่ทางประเทศกัมพูชาไล่กลับ ตนก็ไม่รู้จะไปไหนจึงมาหาลูกที่ จ.ระยอง ตนก็ไปเดินขอทานที่ตลาด จ.ระยอง ก็ถูกไล่หนีจากพื้นที่ ตนก็ไปเรื่อยๆโดยการนั่งรถโดยสารไปขอทานตามตลาด เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆที่มีตลาดที่คนเยอะๆ สาเหตุที่ต้องกลับมาที่ประเทศไทย และมาขอทานที่ประเทศไทยตนก็ส่งเงินให้ลูกใช้บ้าง เพราะมีลูกทั้งหมด 5 คน อยู่ที่กัมพูชา 3 คน ส่วนอีก 2 คนอยู่ที่ จ.ระยอง ส่วนเมียมี 3 คน อยู่เมืองไทย1คน อยู่กัมพูชา 2 คน ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไว้ใช้เอง ตนขอยืนยันว่าตนพิการจริงไม่สามารถลุกยืนหรือเดินได้เหมือนคนปกติ เพราะหลังค่อมเวลานอนก็ต้องนอนตะแคง ตนจึงทำงานอะไรไม่ได้จึงต้องหลบหนีเข้าเมืองมาขอทาน

โดยก่อนหน้านี้ก็เข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง และครั้งนี้ก็ถูกจับกุมเป็นครั้งที่ 4 ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม.จึงได้ถ่ายรูปทำประวัติและหลักฐาน ในเบื้องต้นพบว่าหลบหนีเข้าเมืองไม่มีพาสปอร์ต ซึ่งก็จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง จากนั้นก็จะผลักดันกลับประเทศกัมพูชาต่อไป