เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' กังวล แรงงานยอมเสี่ยงตาย ไม่กลับไทยเพราะเงิน ลั่นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ-ยกระดับความเป็นอยู่

โดย nattachat_c

25 ต.ค. 2566

32 views

วานนี้ (24 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือรายงานไทยในอิสราเอล ว่า


เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย จากปัญหาที่มีการเพิ่มแรงจูงใจ ให้แรงงานไทยอยู่ ทำงานต่อ ซึ่งตนเองได้พูดแรง ว่าเรื่องนี้ไม่ได้นะ เพราะเอาเงินมาล่อ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทางทูตอิสราเอลเองก็ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ และจะมีการตรวจสอบ และรายงานให้ทราบโดยเร็วเพราะเขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน


แต่ทั้งนี้ ท่านทูตฯยอมรับว่า การเพิ่มเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจมีจริง ส่วนการเลื่อนจ่ายเงินเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายนนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าทูตอิสราเอลไม่ทราบเรื่อง แต่ตนได้ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นไปว่า มีจริง และเขาต้องดูเรื่องนี้ให้เรา

-------------
วานนี้ (24 ต.ค. 66) นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง


โดยนายเศรษฐาได้ลงมายืนรอสื่อมวลชน เนื่องจากลงจากห้องประชุมโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า การประชุม ครม.เร็ว และมีประสิทธิภาพ


พร้อมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า วันนี้ เรื่องใหญ่ที่ตนได้แจ้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมี 2 ประเด็นหลัก​ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด​ เช่น นโยบายการท่องเที่ยว และอีกหลายนโยบาย​


แต่เหนือสิ่งอื่นใดการกระตุ้นเพื่อซ่อม และสร้างอนาคต ให้กับประชาชน พร้อมยกตัวอย่าง​ ขอให้คิดว่าแรงงานที่อยู่ต่างประเทศกว่า 30,000 คน ต้องเสี่ยงชีวิต เพราะเมื่อมีคนนำเงินมาล่อก็จะอยู่ต่อ เพื่อเงินหลักหมื่นหลักแสน


“ถ้าเกิดเขาถามกลับมาว่านายกฯไม่เข้าใจหรอก ว่าการที่มีคนเอาเงินมาให้ 50,000 หรือ 100,000 บาท เพื่อให้อยู่ต่อ และต้องเสี่ยงชีวิต มันมีความสำคัญกับพวกเขาขนาดไหน


เรื่องนี้ผมตระหนักดี ฉะนั้น เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสุดที่จะทำให้พี่น้องประชาชนนับหมื่นคนที่ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ เพื่อที่จะนำเงินมาช่วยคน หลักแสนหรืออาจจะหลักล้านได้ ซึ่งเป็นห่วงโซ่ที่ต้องพึ่งการดูแลของพวกเขา ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมากจริงๆ


แล้วนโยบายการเงินการคลังที่ดี ไม่ใช่แค่รักษาวินัยการเงินอย่างเดียว แต่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ต้องตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อให้ได้ซึ่งเงิน ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

-----------

วานนี้ (24 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถึงสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล ว่า


เป็นเครื่องสะท้อนว่า เหตุใดรัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศครั้งมโหฬาร เพราะแรงงานไทยเปลี่ยนใจจะไม่กลับไทย แม้ว่าความรุนแรงของสถานการณ์จะเพิ่มมากขึ้น เพียงเพราะนายจ้างจะให้เงินเพิ่มอีก 5 หมื่นบาท


ที่น่าตกใจกว่านั้น คือ เลื่อนวันออกเงินเดือนเป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน หากคิดให้ดี แสดงว่าเงินเดือนจะไม่ออก เพราะอาจจะมีการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดิน และอาจจะมีการสูญเสียครั้งมโหฬาร


ดังนั้น ขอฝาก สส.ที่มีแรงงานไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่ ให้ไปบอกญาติพี่น้องพวกเขาด้วยว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนนับหมื่นคนต้องเสี่ยงชีวิตดูแลคนเป็นแสนเป็นล้านคน  


ปัญหาดังกล่าว เป็นภาพที่สะท้อนกลับมาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทุกคนพยายามหาเงิน พยายามอยู่ต่อเพื่อให้ได้เงินอีก 5 หมื่นบาท


ขณะที่ นายจ้างอิสราเอลก็เอาเปรียบจากความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของเรา ถือเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ รัฐบาลจึงพยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการลดค่าน้ำ ค่าไฟ พักหนี้เกษตรกร รวมถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า แม้จะมีนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนบอกเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลัง เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง


แต่ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องเดียว ไม่ได้หมายความว่าเราทำโครงการนี้หรือโครงการอื่น ๆ แล้วจะเป็นการทำให้วินัยการเงินการคลังเสียหากเป็นสิ่งที่อธิบายได้

-------------

วานนี้ (24 ต.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใน ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสพรรคร่วมรัฐบาลพยายามลอยแพพรรคเพื่อไทยหลังมีกระแสด้านลบเกี่ยวกับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท


โดย นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีการลอยแพ ซึ่งก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ต้องตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้ และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคร่วมจะต้องช่วยกันสนับสนุนแต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการตราเป็นพระราชบัญญัติ


อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน พร้อมย้ำว่า “ไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ”


ส่วนกรณีที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า อยากให้เป็นการใช้เงินเฉพาะกลุ่ม นายอนุทิน ระบุว่า รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสม ตามรัฐธรรมนูญและทำได้จริง ขออย่าไปมองว่ามีนโยบายอะไรที่เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าการนำไปใช้ ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักกฏหมาย


ส่วนที่ขณะนี้มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนนั้น นายอนุทิน ย้ำว่า ในส่วนของรัฐบาล 320 เสียงต้องสนับสนุน


ขณะเดียวกันเมื่อถามว่าในฐานะคณะรัฐมนตรีหากในท้ายที่สุดนโยบายนี้มีปัญหาจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน นายอนุทิน ย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะนำออกมาใช้ได้เลย ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา แต่ในขณะนี้ก็ยังสนับสนุนในฐานะเป็นรัฐบาล แต่หากดูแล้วมีอะไรที่เป็นปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/CDmiKWcKQWQ


คุณอาจสนใจ

Related News