เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' ถาม ‘เศรษฐา’ หาความจริงใจ ปฏิรูปตำรวจ - 'เท่าพิภพ' ร้องเอ๊ะ 'บิ๊กต่อ' จาก ผกก.ถึง ผบ.ตร.ใช้เวลาแค่ 6 ปี

โดย nattachat_c

29 ก.ย. 2566

1.2K views

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์ สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับประเด็นปัญหาภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกล่าวว่า “ รู้ทั้งรู้ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจเยือนกัมพูชาแต่ยังมีการตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ  ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์อะไร”


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 กันยายน ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้ถามเรื่องความโปร่งใสในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ว่า เข้าใจได้ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ แต่ท่านไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะกลับมาตอบสมาชิกเมื่อใด ทางเราไม่ถึงกับจะต้องเคี่ยวเข็ญ แต่วันนี้ไม่ได้รับคำชี้แจงและได้หนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดซึ่งตอบห้วนๆ ว่าไม่สะดวกมาตอบ จึงมีข้อสงสัยว่า ความจริงใจเรื่องการปฏิรูปตำรวจของนายกรัฐมนตรีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน อยู่ที่ไหน


“เพราะก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวได้เคยถามเรื่องการสังคายนาองค์กรตำรวจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า อย่าใช้คำนั้น เพราะว่าตำรวจเป็นองค์กรที่มีเกียรติศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน แต่วันนี้ต้องยอมรับแล้วว่าวงการตำรวจมีปัญหาแบบเดือนเว้นเดือน บางช่วงมีเดือนละหลายเรื่อง ถ้าเราไม่คิดจะแก้ปัญหาก็จะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของสังคม ตำรวจเองยังถูกยิงเสียชีวิต วันนี้ขยายผลไปได้แค่ไหนยังไม่รู้เลย”


“ส่วนตัวหากมีตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ต้องดำเนินคดีไปเลย แต่มีความสงสัยว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เตะตัดขากันหรือไม่ เช่น หมายค้นดังกล่าวตนได้เห็นกับตาตัวเองว่าไม่ได้ใส่ชื่อยศ และอาชีพของเจ้าบ้าน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ”


นายรังสิมันต์กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญก็จริง แต่ตำรวจอีกหลายครัวเรือนก็ได้รับความเดือดร้อน จึงอยากตั้งคำถามอีกครั้งว่านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจจะแก้ปัญหาความทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กรตำรวจหรือไม่ ต้องมีความชัดเจนที่จะเริ่มต้นปฏิรูป กระดุมเม็ดแรกคือต้องสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.


ทั้งนี้ นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากระบวนการแต่งตั้งจบไปพอสมควร และคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว แต่ไม่ว่าจะแต่งตั้งใคร สุดท้ายสังคมก็จะตั้งคำถามว่าเป็นการเลือกจากอะไร จากความอาวุโส ความสามารถ หรือวิสัยทัศน์ คือสิ่งที่สังคมยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ผ่านมาได้เสนอให้ว่าที่ ผบ.ตร.ได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนได้เห็น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นหรือโหวต เพื่อประกอบการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยคิดจะทำ ทำให้ข้อครหาว่ามีเส้นสายสัมพันธ์ต่างๆ อยู่เบื้องหลังก็จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป


“หวังว่าในอนาคต คุณเศรษฐา จะตอบสภาว่าพร้อมจะชี้แจงต่อสังคมเมื่อใด เชื่อว่าเมื่อครั้งอยู่ในบริษัทเอกชนจะต้องอธิบายได้ว่าจะแต่งตั้งใคร อย่าให้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีมาสิงตัวท่าน จนท่านไม่เหลือเหตุผลจะอธิบายให้ประชาชนต่อเรื่องนี้อีกต่อไป”


เมื่อถามถึงข้อสงสัยว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องตั๋วหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า พยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกคน คิดว่าโดยข้อกฎหมายมีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ตร.คนอื่นก็ได้ เพราะเป็นการใช้ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่ก็รอคอยเหตุผลของการใช้ดุลพินิจนั้นอยู่ แต่หากไม่มีการชี้แจงสังคมก็จะอนุมานว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่มีความสุจริตจริง ซึ่งก็น่าสงสารว่า ผบ.ตร.คนใหม่ก็จะได้รับมลทินไปด้วย

-----------

28 ก.ย.2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ว่าขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่แส่งความเห็นข้อร้องเรียนของสภาฯ ให้ ครม. เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปตำรวจ หนูหยิบยกสาเหตุเนื่องด้วยการปรากฏข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับตำรวจหลายนายในเหตุการณ์ 2 กรณี ตั้งแต่การยิงตำรวจเสียชีวิตที่มีความพยายามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายในกล่องบังคับการตำรวจทางหลวงหรือคดีกำนันนก และ การส่งหน่วยดีพิเศษเพื่อไปจับกลุ่มคณะทำงานของ รอง ผบ.ตร. ด้วยกันไปบุกค้นบ้าน และอ้างอิงความเห็นอดีตตำรวจหลายคนที่ชีว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ชื่อว่ามีเหตุผลพิเศษนอกจากการทำหน้าที่ตามวิสัยของตำรวจทั่วไป


ซึ่งทั้ง 2 กรณีส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานตำรวจ และยังส่งผลต่อการขาดความเชื่อมั่นการแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเกิดเหตุการณ์ขึ้นในช่วงเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการกระทำเพื่อช่วงชิงตำแหน่งหรือไม่ และถูกมองว่าเป็นการตัดตอนตำรวจที่ทำคดีกำนันนก


พร้อมหยิบยกตำรวจหญิง บางคนได้รับการโปรโมท เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเพราะมีเส้นสายหรือมีตั๋วหรือไม่ และหยิบยกปัญหาก่อนหน้านั้นเรื่องส่วยทางหลวง ที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร เปิดโปง แต่สุดท้ายจนที่ความเงียบงัน รวมถึงปัญหากราดยิงศูนย์เด็กเล็กที่จังหวัดหนองบัวลำภู และยังเด็กยกกรณีอดีตภรรยา สว. ที่เป็นตำรวจโทรหญิง กลั่นแกล้งทหารรับใช้ในบ้าน เดี๋ยวอ้างอิงปัญหาตำรวจรีดไถนักท่องเที่ยว สะท้อนว่าองค์กรตำรวจถึงเวลาแล้วต้องได้รับการปฏิรูป


พร้อมกันนี้ยังย้ำถามถึงความจริงใจในการปฏิรูปตำรวจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้หัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจ ขอให้มีความกล้าหาญที่จะปฏิรูป เพื่อให้ตำรวจดีมีที่ยืน โดยเสนอวิธีการกระดุม 5 เม็ด คือ 1.ต้องทำให้การเลือก ผบ.ตร. จากความสามารถ เช่น 3 ขั้นตอนตาม พรบ.ตำรวจ เปิดให้รอง ผบ.ตร.สมัครพร้อมแฟ้มผลงาน เพื่อให้กรรมการใช้ดุลพินิจ -การแสดงวิสัยทัศน์ต่อการเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจ-ทำแพลตฟรอมออนไลน์ให้ตำรวจโหวต ผบ.ตร. อาจไม่ใช้ชร้วัดผลชนะแต่เป็นการซาวเสียง เชื่อหากทำได้หมดจ้อครหาเรื่องตั๋ว เส้นสายที่ไมาชอบธรรม


2.แก้ไข พ.ร.บ. ตำรวจฯ กระจายอำนาจให้ตำรวจจังหวัดและประชาชนเข้ามามีบทบาท กำหนดทิศทางแก้ไขป้องกันอาชญากรรม และการ แต่งตั้งโยกย้ายไม่ใช่รุ่นพินิจเฉพาะผู้บังคับบัญชาเท่านั้นแต่เปิดให้เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับประเมินด้วย และทำงานอย่างซื่อสัตย์ จะเป็นเกาะคุ้มกันในการทำหน้าที่ต่อไป


3.นายกฯอย่าให้ตำรวจหิวไปหาเงินเอง เพื่อความอิ่มท้องละความสุขสบายของครอบครัวจะต้องหารือกันเรื่องสายงานด้านยุติธรรมเงินเดือนที่เหมาะสมของทุกตำแหน่งคือจำนวนเท่าไหร่ 4.รัฐบาล ส่งเสริมให้ตำรวจชั้นประทวนมีโอกาสการเติบโตที่มากขึ้น เช่นตำรวจที่ไม่ได้จบปริญญาตรีได้เข้ารับการศึกษาปริญญาตรี และกระดุมเม็ดสุดท้าย 5. รัฐบาลต้องเลือกสิ่งที่ไม่จำเป็นที่ตำรวจต้องทำ เช่น การติดตามผู้บังคับบัญชา และโครงการที่ไม่จำเป็นงานตำรวจต้องรับผิดชอบ เช่น งานอนุรักษ์พันธุกรรมพืช หรือยกเลิกระเบียบบังคับตัดผมขาว 3 ด้าน


ซึ่งหลังจากการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสร็จสิ้นจะมีการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาศึกษาญัตติอีกครั้งหนึ่ง

-------

28 ก.ย.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกอภิปรายการแก้ปัญหาการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นความรู้สึกในใจของตนประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่ได้ประชุมกับหน่วยราชการต่างๆ เพื่อแจ้งข่าวและรับข้อร้องเรียน ตนได้คุยกับสารวัตรท่านหนึ่ง ทำงานด้านสายตรวจ สารวัตรคนนี้บ่นว่า ตำรวจรับเรื่อง 1,800 อย่าง แต่มีสายตรวจแค่คนเดียว ตนจึงถามว่าตำรวจหายไปไหนหมด ซึ่งตนงง และก็เชื่อว่ามีตำรวจหายไปกับการตามนายบ้างอยู่แล้ว


“ผมฟังข่าวเช้าช่องสาม รายการคุณสรยุทธ ขออนุญาตอ่านตามข่าวการแต่งตั้ง ผบ.ตร. นายกให้เหตุผลว่าแคนดิเดต ผบ.ตร.ทั้ง 4 ท่านมีอาวุโสในทางราชการ และการขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารที่แตกต่างกันไม่มากนัก ทุกคนมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกัน ผ่านงานมาทุกรูปแบบแต่ ผบ.ตร.คนใหม่ จะต้องทำงานสนองนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ถึงมั่นใจว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์อสามารถทำงานส่วนนี้ได้ดี ผมก็เกิดเป็นความเอ๊ะ ทำให้ต้องอภิปรายตรงนี้” นายเท่าพิภพ กล่าว


นายเท่าพิภพ กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าประสบการณ์เท่าๆกัน ต้นตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่จึงไปหาข้อมูลและขอยกตัวอย่าง คนที่อาวุโสที่สุด พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ มีอายุงานจากผู้กำกับจนมาเป็นรองผบ.ตร. 21 ปี ส่วน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. คนปัจจุบันขึ้นจากผู้กำกับมาเป็นผบ.ตร. ใช้เวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น


“ผมต้องขอบคุณท่านนายกฯ ที่เลือกท่านต่อศักดิ์ เป็นความหวังให้ตำรวจชั้นผู้น้อยเป็นอย่างยิ่ง ว่าวันนึง เขาจะสามารถเจริญเติบโตในหน้าที่การงานได้ไวขนาดนี้ ผมขอบคุณท่านนายกจริงๆ” นายเท่าพิภพ กล่าว


นายเท่าพิภพ ย้ำว่า ปัญหาตำรวจมีทั้งเรื่องตั๋วช้าง ตามนาย ขายเพื่อน พร้อมไล่เรียงว่า กว่าจะเป็นตำรวจยศสูงๆ ต้องผ่านการตามนาย เหยียบหัวเพื่อน ใส่ร้ายเพื่อน ตำรวจระดับล่าง ถ้าไม่มีเงินก็อยู่แบบนั้น ไม่มีเส้นก็อยู่ สน.เป็นนายดาบจนเกษียณ สุดท้ายประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ตนจึงอยากเสนอว่าถ้าเราจะเริ่มแก้ปัญหา ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งมองว่าควรให้อำนาจท้องถิ่นเหมือนในต่างประเทศ ที่ให้อำนาจ อบจ.จัดการ

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/gzeDRPYmwVE


คุณอาจสนใจ

Related News