อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ รู้หมดใครสั่งการบุกค้นบ้าน ขอหมายหลอกศาล ลั่นเป็นเกมการเมืองสีกากี หวังดิสเครดิต

โดย thichaphat_d

26 ก.ย. 2566

52 views

บิ๊กโจ๊กประกาศกร้าว เรื่องนี้ใครเป็นคนทำ ต้องรับผิดชอบ รู้หมดใครเป็นคนสั่งการบุกค้นบ้าน ชี้ถูกออกหมายค้นไม่สุจริต โอดถูกกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่เคยรับเงินพนันออนไลน์ เชื่อเป็นการเมืองภายใน สตช. หวังดิสเครดิต ชกใต้เข็มขัด รับนั่งที่ 2 ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. หากเบอร์ 1 ยังอยู่ ไม่คิดล้ำหน้า

วานนี้ (25 ก.ย.66) เวลา 12.50 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงเปิดใจกับสื่อมวลชนหลังถูกตำรวจคอมมานโดกองปราบปรามและตร.ไซเบอร์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในซอยวิภาวดี 60 พร้อมทั้งออกหมายจับลูกน้องคนสนิท ซึ่งเป็นมือทำคดี 8 นาย ว่า


หลังเห็นหมายค้นเชื่อได้ว่าเป็นการหลอกศาล หรือเป็นการขอหมายค้นโดยไม่สุจริต เนื่องจากในหมายค้นไม่ได้ระบุชื่อของเจ้าของบ้านแต่อย่างใด เชื่อว่าขณะขอหมายค้น ชุดจับกุมไม่ได้แจ้งศาลว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึงรอง ผบ.ตร. หากศาลรู้ว่าเป็นบ้านของตน จะไม่ออกหมายค้นให้อย่างแน่นอน แต่ไม่เป็นไร เมื่อหมายค้นออกมาแล้ว ก็ยินยอมให้ความร่วมมือให้ตรวจค้นบ้านทั้ง 5 หลัง ซึ่งมีข้อแม้เพียงอย่างเดียว คือขอให้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาร่วมทำการตรวจค้นบ้านด้วย

และจากการตรวจค้น ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด และไม่มีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันมาถึงตนแม้แต่เส้นทางเดียว ดังนั้นการตรวจค้นในวันนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ อยากค้นก็ให้ค้นไป แต่หลังจากนี้ต้องรับผลจากการกระทำให้ได้ เพราะตนจะไล่ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง “เรื่องนี้ใครทำต้องรับผิดชอบ นิสัยผม ผมเป็นนักสู้อยู่แล้ว”

แต่ในส่วนของลูกน้องที่ถูกออกหมายจับ 8 นาย ก็เป็นหน้าที่ของลูกน้องในการชี้แจงว่าเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ใครผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ที่ผ่านมาตนเองก็จับคนอื่นมามาก ไม่ได้หมายความว่าลูกน้องทำผิดแล้วตนจะจับลูกน้องตัวเองไม่ได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุอีกว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้รู้ว่ามีการเตรียมการล่วงหน้ามานานแล้ว แต่เราก็ต้องพร้อมรับ และเรื่องนี้ขอบอกว่า เป็นเกมการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“วันนี้ก็เป็นการดิสเครดิต ทำให้ผมเสียชื่อ แต่ไม่เป็นไร ผมก็ทำงานตามปกติ วันนี้ก็ออกมาทำงานปกติ เรื่องนี้เจอมาเยอะแล้ว”

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเก้าอี้ ผบ.ตร. หรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ ให้สื่อมวลชนคิดเอาเอง แต่อยากให้สังคมจับตามองในช่วง 4-5 วันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการตรวจค้นและการจับกุมชุดทำงานของตน เพิ่งมาเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงบ่ายท่านจะไปทำอะไรที่ไหนต่อไป พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะไปประชุมร่วมกับ ผบ.ตร. ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ถ้าเจอผบ.ตร.ท่านจะพูดอะไรกับผบ.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หันมายิ้มกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุ คงไม่มีอะไรต้องพูด เพราะ ผบ.ตร.เป็นคนคุมตำรวจชุดนี้อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ใครทำอะไรไว้ ก็จงรับผิดชอบการกระทำของตนเองให้ได้แล้วกัน

รอง ผบ.ตร. ยังระบุว่า ส่วนตัวยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่และตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าไปกดดันตำรวจระดับผู้กำกับในท้องที่ในการช่วยเหลือลูกน้องทั้ง 8 คน ที่ถูกออกหมายจับ แต่หากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าลูกน้องกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเช็คบิล สำหรับการดำเนินคดีต่างๆ ที่สะสมมาหมดใช่หรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการเพื่อดิสเครดิต และถือว่าเป็นการชกใต้เข็มขัด และหลายคดีก็งวดเข้ามาแล้ว และตอนนี้ตนรู้หมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่งการให้บุกค้นบ้าน

ส่วนกระแสข่าวที่มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายให้ตัวเองไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เลขา ป.ป.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นและตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานอยู่ แต่ถ้าหากมีการย้ายจริง ตนไปที่ไหนก็ได้เพราะชอบทำงาน แต่ต้องเป็นการย้ายที่เป็นธรรม

ขณะเดียวกันในอดีต เคยมีคำสั่งให้ตนไปปฎิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนก็ได้มีการฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าตนไม่ใช่คนก้าวร้าวแต่ว่าทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม เพราะเมื่อตนดำเนินคดีกับบุคคลใดก็ต่างให้ความเป็นธรรมกับบุคคลนั้นเช่นกัน.

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่า การพิจารณานั้นขึ้นอยู่กับระเบียบที่พิจารณาจากอาวุโสและผลงาน โดยมีคณะ ก.ตร. และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอรายชื่อ

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตัวเองเป็นอันดับ 2 ไม่ใช่แคนดิเดต ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องดูเบอร์ 1 หากเบอร์ 1 ยังอยู่ ตนก็ไม่คิดอ๊อฟไซต์ (ล้ำหน้า) และพรบ.ตำรวจปี 60 เขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีการพิจารณาโดยการยึดตำแหน่งผู้อาวุโส และตอนนี้ตนก็ความสนุกกับการทำงานในตำแหน่งนี้ และตนก็ยังเหลือเวลาราชการอีกเยอะ รวมถึงไม่คิดไปแข่งกับใคร

ส่วนประชาชนบางส่วนอยากให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น รองโจ๊ก กล่าวว่า แค่ตื่นเช้าขึ้นมาได้ทำงานก็พอใจแล้ว

ส่วนจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น เรื่องนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี แต่เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตัวชี้วัดอยู่ที่ประชาชน และในเรื่องที่ตนเองถูกตรวจสอบก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่หากใครทำโดยไม่ชอบ ก็ต้องรับผิดชอบในความผิดนั้นไปด้วย

ช่วงท้ายฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องห่วง ตนจะรักษาหน้าที่ให้ดีที่สุด และพร้อมรับการตรวจสอบ ใครอยากตรวจสอบตนก็จะให้ตรวจสอบ เนื่องจากโดนมาเยอะแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก โดยมองว่าเรื่องนี้มีใบสั่งมาเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

ช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกด้วยว่า จะยังทำงานตามปกติเช่นเดิม และจะไม่ลดบทบาทของตนเอง ก่อนจะพูด คติ นรต. บางช่วงบางตอนด้วยว่า “ต้องอดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล”


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/IdxWKpXEczY

คุณอาจสนใจ

Related News