ต่างประเทศ

รมช.ต่างประเทศ เผย ต่างชาติให้การตอบรับที่ดี ลั่นนายกฯมา UNGA เป็นการเปิดประตูให้ไทยดึงเงินลงทุนในธุรกิจ

โดย parichat_p

21 ก.ย. 2566

41 views

นายจักรพงษ์  แสงมณี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ  จึงมีการหารือกันถึงอุปสรรคที่ผ่านมา  ซึ่งทราบว่า


มีติดขัดหลายเรื่องระหว่างดำเนินการ  จึงมีความสำคัญว่าหากเราต้องการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในปี 2030 ในระยะเวลาที่เหลืออยู่เราจะทำอย่างไรได้บ้าง  เพราะในขณะนี้โลกมีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วม น้ำทะเลหนุนสูง และแผ่นดินไหวซึ่ง เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างมาก




รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวด้วยว่า การเดินทางมาร่วมประชุมสหประชาชาติฯ ของนายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประตูให้กับประเทศไทยด้วยการให้คำมั่นสัญญากับยูเอ็นว่า ไทยจะเดินหน้าทำให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน  ซึ่งในอนาคตจะมีหลายโครงการเกิดขึ้นเพื่อให้เกิดอากาศที่สะอาดสำหรับคนไทย  และทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์หรือเป็นกลาง  ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญมาก  และกระทรวงการต่างประเทศก็ทำงานกันหนักมากเพื่อทำ business matching ให้บริษัทของไทยจับคู่กับบริษัทการลงทุนต่างๆ ในการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสีเขียวซึ่งเป็นเทรนใหม่ของโลก ซึ่งจะต้องมีการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน  


ซึ่งเท่าที่ทราบมาบางประเทศที่เคยได้รับทุนช่วยเหลือจากJETP ซึ่งเป็นโมเดลใหม่สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศในการดาเนินการเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยเป็นการผสมผสานระหว่างทุนจากภาครฐัและ ภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ (climate finance) ในประเทศกาลังพัฒนาโดยเฉพาะ  สำหรับผ่านการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนไปสู่พลังงานหมุนเวียน  อย่างเช่น อินโดนีเซียได้ถึง 15,500 ล้านเหรียญสหรัฐ  ขณะที่เวียดนาม ได้ไปแล้ว 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  




รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  มองว่าเป็นโอกาสดีของธุรกิจไทย ที่จะมาเข้าร่วมกับโครงการเหล่านี้ เพื่อขอเงินลงทุนในการสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย เพื่อให้เรามีอากาศที่ดีกับลูกหลานของเรา  จากการที่นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์และประกาศคำมั่นระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติ  ถือเป็นการเบิกทางทำให้ประเทศที่อยู่ในยูเอ็นนำเงินมาร่วมลงทุนกับเราได้ ซึ่งกองทุนนี้มีมูลค่าหลายแสนล้าน ถ้าโครงการที่เราทำสามารถช่วยในเรื่องของความยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียวได้  เราก็สามารถขอทุนตรงนี้ได้  


และตนเองก็ได้พูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งหลังจากกลับประเทศไทย ก็จะไปร่วมกันทำให้โครงการเกิดขึ้นให้ได้  เช่นโครงการเกี่ยวกับไฟฟ้า เพราะบริษัทต่างชาติหลายบริษัทที่จะเข้ามาลงทุน ตั้งคำถามก่อนเลยว่าระบบของเราเป็นระบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่   ซึ่งระบบสีเขียวของบ้านเราถือว่าได้เปรียบและรัฐบาลก็พร้อมให้การสนับสนุน



ซึ่งจากการคุยทวิภาคีมีหลายประเทศให้ความสนมาลงทุนในบ้านเรา แต่คงต้องรอให้มีรายละเอียดมากกว่านี้ก่อน  อย่างไรก็ดีต้องเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้ถึงจะมาลงทุนกับเราได้


สำหรับเป้าหมายการหารือมุ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน   สิ่งที่เราให้ความสำคัญอันดับแรกคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีการตั้งเป้าหมายไว้แล้ว  รวมถึงการออกหุ้นกู้สีเขียว ที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศออกไป  ต้องมีการเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราต้องนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและทำให้เงินเหล่านี้ถูกนำไปใช้กับการทำให้เกิดการลดภาวะโลกร้อนได้จริง


รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ   กล่าวอีกว่า บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศต้องปรับบทบาทมาเรื่องการค้ามากขึ้นจากที่เคยทำมา  จากนี้เราจะเน้นว่าประชาชนและประเทศได้อะไร จากการที่เราเดินทางมาทุกครั้งจะต้องมีสิ่งที่เป็นรูปธรรมกลับไปให้คนไทยทุกคนและประเทศได้ประโยชน์


ขณะที่ท่าทีของต่างชาติที่ได้เจอกับรัฐบาลใหม่ของไทยนั้น  ทุกประเทศให้การตอบรับที่ดีมีการพูดคุยและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน เพราะประเทศไทยเป็นสมาชิกของยูเอ็นมานานแล้ว  ทุกประเทศรู้จักไทย  เรามีท่านทูตที่มีความสามารถและเราได้ไปเจอพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราก็ได้เจอในเวทีนี้เช่นกัน และมีการพูดถึงเรื่องการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน  ซึ่งให้ความสนใจกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเราเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะในเวทีการระดมทุนเพื่อการพัฒนา ซึ่งทุกคนให้ความสนใจมากในเรื่องที่ประเทศไทยออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนถือว่าเป็นกลไกด้านการเงินใหม่ ซึ่งหลายประเทศอยากนำโมเดลของไทยไปใช้เช่นกัน


รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า ในมุมมองของตนนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคธุรกิจ จะมีการทำงานโดยมีเป้าหมายที่แน่นอน รู้ว่าจะทำให้แต่ละเรื่องสำเร็จลุล่วงอย่างไร และทราบว่าเมื่อคุยแต่ละประเทศเสร็จแล้วจะต้องทำอะไรต่อ และหน่วยงานอื่นๆของไทยจะต้องทำอะไรต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News