เลือกตั้งและการเมือง

กต. แจงคณะทูตต่างประเทศ โดนถามไทยฉีก Joint Declaration หรือไม่ ด้าน "รมว.กต." ย้ำ แค่ระงับ

12 พ.ย. 2568

49 views

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสาระนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต และผู้แทนระหว่างประเทศ เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ว่า วันนี้เป็นการบรรยายชี้แจงให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุด และจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ไทย - กัมพูชา และแนวทางดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังทหารไทยเหยียบระเบิด บริเวณพื้นที่ช่องตามาเรีย โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย เอกอัครราชทูต และผู้แทน 59 ประเทศ 1 องค์กร 4 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 71 คน

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงรายละเอียด และข้อเท็จจริง ในเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เกิดจากการลอบวางทุนระเบิดใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้กำลังพลบาดเจ็บ และทุพพลภาพข้อเท้าขาด ซึ่งเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางเดิมในการลาดตระเวน จากการพิสูจน์ทราบโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ตรวจพบชิ้นส่วนทุ่นระเบิดภายในกลุ่มระเบิด เพิ่มเติมอีก 3 ทุ่น ในบริเวณรอบหลุมระเบิด พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่ที่กัมพูชาเคยรุกล้ำเข้ามาวางกำลัง จึงสรุปได้ว่ากัมพูชาลักลอบเข้ามาวางระเบิด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ชี้แจงท่าทีของประเทศไทย ว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับปฏิญญา Joint Declaration ที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามกัน โดยมองเอกสารดังกล่าวจะนำสู่สันติภาพที่ยั่งยืน และที่สำคัญคือ ต้องอาศัยความจริงใจ และสุจริตใจของทั้งสองฝ่ายในการปฏิบัติตาม แต่ภายหลังที่เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อพิจารณาประเมินสถานการณ์ โดยที่ประชุมเห็น ว่าประเทศไทยยึดมั่น และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตาม Joint Declaration มาโดยตลอด และได้เกิดความคืบหน้ากลายเรื่อง แต่เกิดความผิดหวังเพราะกัมพูชาละเมิดปฏิญญาดังกล่าว ลักลอบมาวางทุนระเบิดในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยบูรณภาพของประเทศไทย นอกจากนี้ยังละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ที่กัมพูชาเป็นภาคี ซึ่งสะท้อนถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องระงับการดำเนินการตามปฏิญญา Joint Declaration รวมถึงชะลอการส่งตัวทหารกัมพูชาที่ฝ่ายไทยกำลังควบคุมอยู่ 18 นายออกไปก่อน พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการใเรื่องน 3 เรื่อง ได้แก่ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว และนำตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษ และมีมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกณฑ์เหตุนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยฝ่ายไทยจะพิจารณาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในการกลับปฏิบัติปฏิญญาต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบ และแสดงให้เห็นถึงให้เห็นว่าความเป็นปฏิบัติได้ยุติลงแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้แจ้งให้ทราบถึงการสื่อสารกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เพื่อทำการประท้วงในเบื้องต้น ถึง 2 ครั้ง และได้ยื่นหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทยแล้ว โดยฝ่ายไทยจะดำเนินการกรอบอนุสัญญาออตตาวา โดยมีหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมภาคี อัตราและเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ซึ่งจะมีการประชุมรัฐภาคี สมัยที่ 22 ในวันที่ 1-5 ธันวาคมนี้ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงไทยจะมีหนังสือถึงสหรัฐสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นสักขีพยานในการลงนาม ปฏิญญา Joint Declaration รวมถึงสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก จะได้รับข้อมูลเช่นกัน เพื่อนำไปชี้แจงให้รับทราบถึงท่าทีของไทย ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงจะชี้แจงผ่านคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT พร้อมทั้งจะเชิญ AOT ลงพื้นที่ในเร็วๆนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ชี้แจงถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามภารกิจ และรับทราบเหตุการณ์จริง พร้อมทั้งได้ตรวจเยี่ยมการทำหน้าที่ และให้กำลังใจทหารแนวหน้าที่ปฏิบัติการที่ภูมะเขือ และได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุนระเบิด

ขณะที่คณะทูต ได้มีข้อสงสัยสอบถามถึงแนวทางการดำเนินการของไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่า จากนี้ไปไทยขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามความจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย โดยไทยจะดำเนินการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่

นอกจากนี้ คณะทูต ยังสอบถามถึงสถานะของ Joint Declaration ว่า ไทยฉีกทิ้งหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่า ณ ปัจจุบันถือว่าระงับ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Pause แต่เมื่อคำนึงถึงความรู้สึกของคนไทย ไม่แน่ใจว่าจะคงสถานะการระงับไว้นานแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับท่าที และการตอบสนองของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งคณะทูต ไม่มีคนไหนที่แสดงความกังวลหรือไม่เห็นด้วยกับการระงับ Joint Declaration ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความเข้าใจ แต่ก็มีข้อกังวล เพราะไม่อยากให้สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น โดยอยากให้กลับสู่การเจรจา

นายนิกรเดช ยังย้ำว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงการต่างประเทศ ยึดมั่นในสันติวิธี ซึ่งเป็นหลักการที่ยึดถือมาตลอด ขณะเดียวกันรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะดำเนินการอย่างรอบด้าน และเต็มกำลัง เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย และบูรณภาพดินแดนไทย และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด พร้อมทั้งมีความคาดหวังต่อกัมพูชาจะแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความจริงใจ และสุจริตใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ไทย และประชาคมโลกเห็นว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และกัมพูชาจะปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทั้งสองได้ตกลงกันไว้

ส่วนต้องแจ้งไปยังประเทศหรือองค์กรต่างๆที่ให้การสนับสนุนกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ประเทศเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นภาคีของสัญญาออตตาวา เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้สื่อสารไปทั้งสองทาง ผ่านไปยังประธานรัฐภาคี ซึ่งก็มีหน้าที่แจ้งความกังวล ข้อเรียกร้องไปสู่ประเทศภาคี และกำลงพิจารณาทำหนังสือตรงไปยังประเทศที่ให้ความช่วยเหลือ อย่างที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต ว่าเงินช่วยเหลือดังกล่าวอาจจะนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

ขณะที่การประท้วงออตตาวา ไทยประท้วงไปหลายครั้ง จะมีโอกาสสัมฤทธิ์ผลเมื่อไหร่ นายนิกรเดช กล่าวว่า กลไกของออตอาวา ไม่มีการลงโทษ แต่สิ่งที่ทำได้คือ การประณามต่อที่ประชุมรัฐภาคี ว่ามีการละเมิดอนุสัญญา ถือเป็นการเรียกร้องให้ประเทศผู้สนับสนุนต้องทบทวน ว่าจะยังคงให้ความช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ หากความช่วยเหลือดังกล่าวถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ และมีสิทธิ์ให้คู่กรณีของไทย มาอธิบายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงของไทยชัดเจน อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และกำลังเชิญ AOT ไปลงพื้นที่ เพื่อให้ไปยืนยันความจริงดังกล่าว และมีโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐภาคีด้วยตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเรื่องนี้ได้พูดคุยกันตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์ แต่หากไม่ได้ไปประชุมด้วยตัวเอง จะมีผู้แทนระดับสูงไปร่วมประชุมแทน

นายนิกรเดช กล่าวถึงการปักปันเขตแดนชั่วคราวเร่งด่วน บริเวณบ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว จะยังดำเนินการอยู่หรือไม่ ว่า ขณะนี้กลไกพูดคุยมี 2 กลไก คือคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอยุติการพูดคุยไว้ก่อน ดังนั้น กลไกภายใต้จีบีซี จะหยุดไว้ทั้งหมด แต่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ เจบีซี ไม่เกี่ยวข้อง ทุกอย่างภายใต้กลไกนี้ ยังดำเนินการต่อ

ส่วนการระงับ Joint Declaration จะส่งผลต่อความร่วมมือไทย - กัมพูชา ในการปราบอาชญากรรมออนไลน์หรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ไม่ส่งผล เพราะหนึ่งในผลหารือจากที่ประชุม สมช. คือ มาตรการอะไรที่ไทยดำเนินการได้ฝ่ายเดียว หรือร่วมกับประเทศอื่น จะยังดำเนินการต่อ โดยเฉพาะการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และกอารต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ยังเดินหน้าอยู่ โดยจะดำเนินการให้เข้มข้นขึ้น

ขณะที่มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความตั้งใจของกัมพูชาที่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นการปราบสแกมเมอร์หรือไม่ เพราะหลายประเทศจับตาเรื่องนี้อยู่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ตนเองไม่รู้กัมพูชาคิดอะไร แต่คิดว่าเป็น 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแยกออกจากกัน เรื่องที่หนึ่ง คือการปราบสแกมเมอร์ ที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งสิ่งที่กัมพูชาทำได้คือการร่วมมือกับไทย และอีกเรื่องเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และ Joint Declaration ซึ่งส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยและที่สำคัญ คือกระทบกับความรู้สึกของคนไทย คิดว่าต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา จากนี้ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง

ส่วนในการชี้แจงต่อคณะทูตในวันนี้ (12 พ.ย.) มีปฏิกิริยาใดเพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ในฐานะผู้สังเกตการณ์การลงนามระหว่าง Joint Declaration ไทย-กัมพูชาหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ได้ติดต่อกับผู้แทนสหรัฐอเมริกา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว และแสดงความคาดหวังของไทยที่ให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้ติดตามสิ่งที่กัมพูชาควรดำเนินการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และมาเลเซีย ได้ส่งผู้แทนระดับสูงทางการทหารมาติดตามเหตุที่เกิดขึ้น และได้พิจารณาดำเนินการใดในสิ่งที่มาเลเซียสามารถดำเนินการได้

คุณอาจสนใจ

Related News