เลือกตั้งและการเมือง

'อมรัตน์' เล่าเหลือทน 'ปีใหม่ กองเชียร์เพื่อไทย' ยอมรับผลที่ตามมา ให้ก้าวไกลตัดสิทธิ์ชิงเก้าอี้บริหารพรรค

โดย nattachat_c

21 ก.ย. 2566

31 views

"ปีใหม่" ได้ชี้แจงผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ว่าที่ตัวเองโพสต์นั้น ไม่ได้หมายถึง อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และขอให้ตีความตามตัวอักษร อีเจี๊ยก คือ อีเจี๊ยก 


นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ข้าราชการการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ กินภาษีของประชาชน จะมาเซนซิทีฟแบบนี้ไม่ได้ ประชาชนจะแตะต้องคุณโดยตรง หรือไม่โดยตรง ก็ไม่มีใครเขาลุกขึ้นมาโวยวาย ฟูมฟาย คุณต้องยอมรับให้ได้ หากยอมรับไม่ได้ ต้องไม่เล่นการเมือง ต้องไปอยู่บนหิ้งบูชาก็แล้วแต่


ทั้งยังบอกด้วยว่า ตื่นเช้ามาก็มีเพื่อนแคปโพสต์ส่งมาให้ว่า นางอมรัตน์ โพสต์ชี้เป้ามาที่ตน ยังตกใจว่าทำไมทำแบบนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไร ไปทำงานปกติ กระทั่งก่อนเที่ยง มีคนแคปมาให้ดูว่า เขาตัดข้อมูลบางส่วนออก จากนั้นก็ทัวร์มาลงหนักมาก ซึ่งหากเป็นแบบนี้ เขาก็ควรไปใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ


และว่าทางเจ้านายเรียกตนเข้าไปพบ หลังจากที่เขาอ้างว่าเราโดนทัณฑ์บน แต่เราไม่ได้เซ็น เพราะเรามองว่า เขาต้องหยุดก่อน ส่วนตัวเราเองอยากทำงานเพื่อบริษัท แต่เขากลับไม่หยุดเลย.


ด้าน นางอมรัตน์ยืนยันว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำ พร้อมโชว์ภาพให้ผู้สื่อข่าวดูและรับุว่าเป็นภาพที่ตนถูกนำไปตัดต่อ โกรธเพราะเอาหน้าตนไปใส่รูปกำนันนก และพยายามบิดเบือนว่าตนสนิทกับมาเฟีย ทำให้รู้สึกว่าไม่ไหว ประกอบกับมีคนให้เบาะแสมา ว่าบุคคลดังกล่าวพยายามแสดงตนว่ามีผู้สนับสนุนใหญ่โต


“เรื่องนี้เริ่มจากที่เราเป็นเหยื่อต่อเนื่องมายาวนาน ก็เลยมีความรู้สึกว่า เอ๊ะ เป็นใคร เป็นเพจที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์และกระจายกันไปหมด จึงตรวจสอบว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ เมื่อโทรไปเช็คแล้วผู้จัดการฝ่ายบุคคล ก็สอบถามว่าพนักงานใช้ช่องทางโซเชียลโพสโซเชียลมีเดียหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้ส่งข้อมูล เขาก็โพสตด่าทุกคน แม้กระทั่งนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็โดนด่าเสียๆหายๆ”


    ซึ่งต้นสังกัดก็ยินดีตรวจสอบให้ ซึ่งช่วงบ่ายตนจะกลับบ้านในจังหวัดนครปฐมพอดี ทราบว่าโรงงานที่บุคคลดังกล่าวทำงานเป็นทางผ่านพอดี จึงเข้าไปคนเดียวอย่างถูกต้อง ก็ได้รับการต้อนรับจากคนในโรงงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกกับตนว่าบุคคลดังกล่าวได้ยอมรับ แต่ตอนแรกได้ปฏิเสธว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะเขียนอะไรก็ได้ แต่กรรมการบริษัทได้ออกหนังสือตักเตือนตามระเบียบบริษัท เหมือนทำทัณบนไว้ 1 ปี ว่าแม้เป็นพื้นที่ส่วนตัวก็ไปสร้างประเด็นทางสังคม ตนได้ยินแล้วก็สบายใจ ถือเป็นมาตรการทางสังคมอย่างหนึ่ง ยืนยันไม่ใช่การคุกคามหรือข่มขู่ เพราะเราเข้าไปอย่างถูกต้อง


ส่วนสาเหตุที่โพสต์ลงโซเชียล เพราะคิดว่า “บางทีมาตรการทางกฎหมายก็ใช้ แต่ก็ต้องใช้มาตรการทางสังคมด้วย เพราะบุคคลที่ไม่ทีตัวตน อยู่ในที่ปริศนาดำมืด หรือเป็นอะไรที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ก็ถูกขยายผลและสร้างความเกลียดชังมากมาย บางคนก็ไม่มีปัญญาไปฟ้องหมิ่นประมาท“


นางอมรัตน์ ย้ำว่าหากมีอะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตนก็พร้อมต่อสู้ พร้อมอธิบายว่าการเปิดเผยข้อมูลเป็นการกระทำที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ตนคิดว่าไม่เข้าข่าย PDPA ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างชัดเจน เรื่องนี้ก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาล แต่ในกระบวนการทางสังคม เหยื่อก็ต้องปกป้องตัวเอง ช่วยเหลือตนเอง หากสังคมจะตัดสินอย่างไรก็ยินดีน้อมรับ


เมื่อถามว่ามองว่าตนเองเป็นเหยื่อใช่หรือไม่ นางอมรัตน์ยอมรับและกล่าวว่า เยอะแยะเลย ตนเป็นเหยื่อร่วม คิดว่ามีผู้ถูกกระทำหลายคน มีลักษณะเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องและย่ามใจ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการปกป้องตัวเองและเหยื่อคนอื่น หากมองว่าผิดพลาดก็รับผิดชอบได้


เมื่อถามย้ำว่ายืนยันอีกรอบใช่หรือไม่ว่าไม่ใช่การคุกคาม นางอมรัตน์ยกตัวอย่างว่าตนก็เคยถูกคุกคาม ทั้งทหาร ตำรวจ ไปที่บ้าน เอารถฮัมวี่ไปวน แบบนี้เรียกว่าการคุกคาม แต่กรณีนี้มีการพบกันด้วยความสุภาพ พร้อมถามว่าตนมีสิทธิหรือไม่ ที่โดนด่ามา โดนใส่ร้ายป้ายสี เรามีสิทธิไปบอกกับเจ้านายเขาหรือไม่ เพื่อพิจารณาถึงกฎระเบียบของบริษัท


วานนี้ (20 ก.ย.) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษานายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 โพสต์ภาพจดหมาย เป็นข้อความที่แสดงเจตจำนงของตนเองถึงนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ถึงกรณีที่เดินทางไปที่บ้านและสถานที่ทำงานของผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ปีใหม่ ปีใหม่” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดต่อสาธารณะ จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า


“ดิฉันได้ตัดสินใจและแจ้งความประสงค์ต่อคุณชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลในคืนวันที่ 19 ก.ย.66 ดังนี้ ดิฉันขอใช้พื้นที่นี้ในการสื่อสารและชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ระหว่างดิฉันกับคุณปีใหม่ ที่สังคมกำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย


ดิฉันขอชี้แจงว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกเจ็บปวดและได้รับความเสียหายจากการกระทำและการแสดงความเห็นของคุณปีใหม่ ที่มิใช่พฤติการณ์ของการวิพากษ์วิจารณ์ดิฉันโดยสุจริจ แต่เป็นการกระทำซ้ำๆ ในการสร้างข่าวเท็จที่ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับดิฉัน


เช่น การกล่าวหาว่าดิฉันเป็นชู้กับคนขับรถ การตัดต่อภาพและกล่าวหาในทำนองว่าดิฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับกำนันนก และเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐม ยังไม่นับอีกหลายกรณีที่ไม่เกี่ยวกับดิฉัน แต่เป็นการสร้างข่าวเท็จหรือกล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรง เช่น การแปะป้ายคนอื่นว่า ล้มล้างการปกครอง หรือสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน


เมื่อเป็นเช่นนี้ ดิฉันจึงตัดสินใจเดินทางเข้าไปพูดคุยกับคนในที่ทำงานของคุณปีใหม่ เพื่อหารือแนวทางในการได้ข้อยุติ โดยไม่ต้องนำไปสู่การฟ้องร้องโดยไม่จำเป็น ซึ่งดิฉันเดินทางไปคนเดียวและปรึกษาทนายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายและไม่เป็นการใช้อำนาจคุกคามผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเช่นใด ดิฉันต้องขอยอมรับว่าดิฉันได้มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่ไม่เหมาะสมและไม่รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การดำเนินการและการสื่อสารในโซเชียลมีเดียที่อาจถูกตีความได้ว่าเป็นการใช้สถานะส่วนตัวในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในทางที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการไม่อดทนอดกลั้นเพียงพอในฐานะบุคคลสาธารณะ


ดังนั้น ดิฉันจึงได้แจ้งกับคุณชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เมื่อคืน ว่าดิฉันขอแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นด้วยการให้ทางพรรคตัดสิทธิการถูกเสนอชื่อเข้าดำรงตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรคก้าวไกล


ดิฉันขอโทษทุกคนที่รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของดิฉัน และขอน้อมรับทุกคำวิจารณ์เพื่อเก็บเป็นบทเรียนในการปฏิบัติตนในอนาคต”

---------
เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีผู้ใช้ เฟซบุ๊ก "ปีใหม่ ปีใหม่" เขียนจดหมายร้องเรียนกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษาฯ บุกไปคุกคามถึงบ้านและที่ทำงานที่มีเหตุมาจากการโพสต์ประกาศยุติสงครามเหลืองแดงจนมีเสียงการวิจารณ์ไม่เหมาะสม ว่า เบื้องตอนเช้านี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน นางอมรัตน์คงติดให้ข่าว ให้สัมภาษณ์อีกหลายสำนัก ตนขอยืนยันอย่างนี้ก่อนว่า จากการติดตามในหน้าข่าวและดูข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมจริงๆ แต่เนื่องจากนางอมรัตน์ ไม่ได้เป็น สส. กระบวนการร้องเรียนวินัย นางอมรัตน์ จึงไม่มีในส่วนของสภาฯ แต่ในส่วนของพรรคการเมือง กับในส่วนของการพิจารณา ทีมทำงานของรองประธานสภาฯ เราจะแยกกัน ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกล จะมีการพิจารณาในประเด็นนี้แน่ ในเรื่องของจริยธรรม


ส่วนรองประธานสภาฯ สิ่งที่เราต้องมีก่อนคือต้องพูดคุยกับนางอมรัตน์ ซึ่งการคุยทางโทรศัพท์ไม่พอ ต้องคุยซึ่งหน้า ประชุมกันให้เรียบร้อย ว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร


"เรายืนยันว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม แต่เราจำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงอื่นๆ จากทางผู้ร้องเรียนและจากผู้ถูกกล่าวหาด้วย และเมื่อพบว่ามีการทำความผิดจริง ผมพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนางอมรัตน์ ออกจากที่ปรึกษารองประธานสภาฯ"

------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/zzcN9brBwMs


คุณอาจสนใจ

Related News