สังคม

‘หมอชลน่าน’ จ่อชง “การมีบุตร” เป็นวาระแห่งชาติ เพิ่มอัตราการเกิดใหม่ ชี้มีลูกไม่ยาก หาคู่ยากกว่า

โดย nicharee_m

16 ก.ย. 2566

170 views

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขวาระพิเศษ ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงนโยบายและแนวทางการบริหารงานกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับการขับเคลื่อนงานของกระทรวงสาธารณสุข จะน้อมนำและพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และยกระดับ 30 บาทพลัส ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของคนไทย ผ่านนโยบาย 12 ประเด็น

ได้แก่ 1.โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล 2.สุขภาพจิต/ยาเสพติด 3.มะเร็งครบวงจร 4.สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร 5.การแพทย์ปฐมภูมิ 6.สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ 7.สถานชีวาภิบาล 8.พัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย 9.ดิจิทัลสุขภาพ 10.ส่งเสริมการมีบุตร 11.เศรษฐกิจสุขภาพ และ 12.นักท่องเที่ยวปลอดภัย

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การส่งเสริมอนามัยเจริญพันธุ์ ให้คนมีบุตรอย่างมีความพร้อม โดยทางกรมอนามัยจะส่งเสริมเรื่องนี้ และรัฐบาลให้การสนับสนุน เพราะประเด็นนี้สำคัญมาก เนื่องจากโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป โดยในปี 2565 อัตราเสียชีวิตมากกว่าอัตราเกิด แม้ตัวเลขอัตราการตายจะอยู่ที่  5 แสน ต่อปี เท่ากับอัตราเกิด แต่เมื่อเทียบสัดส่วนถือกระทบอัตราการเกิดมาก ตัวเลขนี้น่าตกใจมาก เพราะตัวเลขที่เหมาะสำหรับอัตราการเกิดต้องไม่น้อยกว่า 2.1 ต่อแสนประชากร หรือประมาณ 2 ล้านคน

แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.5-1.6 ต่อแสนประชากร ทำให้ฐานประชากรของวัยแรงงานลดน้อยลง ขณะที่การดูแลสุขภาพดีขึ้น ผู้สูงอายุจึงมีมาก และเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากร ปัจจุบันผู้สูงอายุมีประมาณ 12-13 ล้านคน เรื่องนี้จึงต้องให้ความสำคัญเช่นกัน

เมื่อถามถึงกลยุทธ์การส่งเสริมการมีบุตรอยู่ใน Quick Win ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ใน Quick Win แต่อยู่ในนโยบายหลักที่ต้องดำเนินการทำ Quick Win ไม่ได้ เพราะได้รับข้อเสนอจากกรรมการแพทย์สภา อาจารย์แพทย์บอกว่า “การส่งเสริมมีลูกไม่ยาก เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่ยากกว่าคือทำอย่างไรให้หาคู่สมรส โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่หาคนมาแต่งงานได้ก่อน ยากกว่าการมีลูก ต้องทำทุกมิติควบคู่กันไป”

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เหตุเพราะสภาวะเศรษฐกิจสังคมแบบนี้ ทำให้คนตัดสินใจจะมีคู่ครองก็ลำบาก มีคู่ครองก็ตัดสินใจมีลูกลำบาก เพราะคำนึงถึงโอกาสของลูก แต่เราเข้าใจในมุมนั้น แต่จะต้องรับผิดชอบสร้างภาวะแวดล้อม สร้างโอกาส ความเป็นไปได้ ขจัดปัจจัยให้ลดน้อยที่สุด เพื่อให้ตัดสินใจเข้ามามีหน้าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ โดยเด็กแรกเกิดต่อปีตัวเลขที่เหมาะสม 2.1 ต่อแสนประชากร ก็อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน

นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนการทำให้คนอยากมีลูก สธ.จะทำหน้าที่ในส่วนของอนามัยเจริญพันธุ์ ส่งเสริมคนมีลูกให้มีความพร้อม ส่วนจะผลักดันเสนอความพร้อมด้านอื่นๆ จำเป็นต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ จะเสนอนายกฯ เข้าครม.

โดยมิติที่น่ากังวลที่สุดคือเศรษฐกิจและสังคม ต้องมาช่วยขจัดเหตุตรงนั้น เช่น รัฐบาลช่วยดูแลบุตรคนที่ 2-3 ดูแลจนจบปริญญาตรีได้หรือไม่ การดูแลเด็กแรกเกิดทุกคนช่วยเหลือหรือไม่ อย่างทุกวันนี้คนละ 600 บาท ควรจะช่วยคนละ 3,000 บาทหรือไม่ก็ต้องไปพิจารณาเพื่อสนับสนุนให้มั่นใจว่ามีลูกได้อยู่ในสังคมที่ดี



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/2gHiHNyYpl0

คุณอาจสนใจ

Related News