นายกฯ เตรียมหารือกฤษฎีกา ยกเลิกคำสั่ง คสช. ปัดสร้างภาพ คุมฝ่ายความมั่นคง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงหลักการในการยกเลิกคำสั่ง คสช. สามารถทำได้เลยหรือไม่ ว่าจะต้องปรึกษาสำนักงานกฤษฎีกา เนื่องจากกฎหมายบางข้อไม่ได้ใช้แล้ว หากเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิต หรือการปฏิบัติหน้าที่ ก็ยกเลิกไป แต่ถ้ายกเลิกไม่ได้ ก็ต้องนำกลับเข้ามา ครม.ใหม่


“เป็นการพูดคร่าวๆ ซึ่งเราพยายามทำให้เป็นรัฐสนับสนุน ถ้ากฎหมายไม่ได้บอกทำไม่ได้ อยากให้รีบๆทำ แต่ต้องไม่ขัดกับหลักนิติธรรมทั้งหมดโดยรวมของการบริหารจัดการประเทศและการดำเนินธุรกิจของประเทศ”


นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่าจะดูแลความมั่นคงด้วยตนเอง


เมื่อถามว่า นายกฯ ดูแลความมั่นคงด้วยตัวเอง ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงมีหลายมิติ ทั้งมิติภายในและมิติภายนอก เรื่องการปกป้องอธิปไตยของประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องภาวะภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความร้อนแรง แต่หนักไปทางด้านการค้ามากกว่า ตรงนี้ก็อาจจะถ่ายเทไปเรื่องถึงความมั่นคงและเรื่องอื่นได้ด้วย จะต้องดูให้ดี เพราะเราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มาก เป็นประเทศที่เรามีความภาคภูมิใจในความที่เป็นประเทศไทย ที่เรามีเอกราชมาโดยตลอด แต่เราก็อยู่บนโลกที่มีความขัดแย้งสูง


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในการเดินทางไปต่างประเทศที่จะไปร่วมการประชุมสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ที่สหรัฐอเมริกา ก็จะมีการพูดคุยกับผู้นำแต่ละประเทศ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องความมั่นคงนอกประเทศ ความมั่นคงทางด้านการค้า ส่วนความมั่นคงภายในจะต้องมีความพร้อม และเรื่องของฝ่ายความมั่นคงกับพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะในอดีตอาจจะมีการพูดจารุนแรงไปนิดนึง จึงพยายามลดช่องว่างระหว่างสถาบันทหารกับประชาชน โดยให้มีการสื่อสารที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีการทำกิจกรรม หรือประโยชน์ให้กับประชาชน เช่น การสมัครใจเกณฑ์ทหารบางส่วน การนำเอาที่ดินของทหารมาให้พี่น้องประชาชนได้ทำการเกษตร รวมถึงการให้ทหารมาช่วยพี่น้องประชาชนด้านภัยพิบัติ ภัยแล้ง ซึ่งมีหลายมิติที่ฝ่ายความมั่นคงจะสามารถทำได้


เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มาดูแลความมั่นคงด้วยตัวเอง จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่เกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่องที่จะต้องทำ สมควรทำ เพราะพี่น้องประชาชนดูอยู่ต้องดูแลให้ครบทุกมิติ ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักหน่วง ส่วนตัวเข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะต้องทำต่อไป


เมื่อถามถึงการแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความพยายามจะให้ทุกภาคส่วน คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมกันทำงานกับรัฐบาล เพื่อที่จะผลักดันเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้ความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น


เมื่อถามถึงแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรี เหตุใดจึงให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ไปกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนที่จะเป็น พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแบ่งงานไม่อยากให้ดูว่าเป็นของพรรคไหน เพราะพูดตั้งแต่วันแรกแล้วว่ารัฐบาลแม้จะมี 11 พรรค แต่เป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่อยากให้ดูว่าเป็นของซีกไหน ฝ่ายไหน หรือใครดูแลใคร แต่เป็นการดูแลให้ตรงจุด เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง เพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่อง KPI ในการปราบผู้มีอิทธิพล ว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องรายละเอียด ว่า KPI จะเป็นอย่างไร ขอไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงก่อนหากมีแผนงานทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จะแถลงข่าวอีกครั้ง แต่ขอให้สบายใจได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก