สังคม

แม่หวั่นซ้ำรอย! ฆ่ายกครัว 3 ศพ หลังลูกสาว ถูกอดีตเมียทหารหลอกเล่นแชร์ สูญ 5 ล้าน

โดย paweena_c

4 ก.ย. 2566

91 views

มีผู้หญิงคนหนึ่งร้องสื่อ หลังถูกอดีตเมียนายทหาร หลอกเล่นแชร์ และโอนเงินสูญกว่า 5 ล้านบาท

ทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กุมุทโยธิน ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พบกับคุณ กนกวรรณ อายุ 42 ปี เธอหอบหลักฐานต่างๆที่เตรียมไว้ เป็นเอกสารกว่า 500 แผ่น ซึ่งเป็นหลักฐานที่เธอถูก ผู้หญิงคนหนึ่งรวมกับพวกร่วมกันหลอกให้ต้องสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน จนปัจจุบันกลายเป็นหนี้สินก้อนโต แถมยังส่งผลทำให้ครอบครัวแตกแยก สามีต้องขอแยกทางเนื่องจากรับภาระหนี้สินไม่ไหว

คุณกนกวรรณ ผู้เสียหาย บอกว่า เรื่องนี้เกิดมาจากเมื่อประมาณปีที่แล้ว เธอเข้าไปเล่นวงแชร์ออนไลน์วงหนึ่ง หวังว่าจะเก็บเป็นเงินก้อน พอหลวมตัวเล่นวงแชร์ได้ไม่นาน วงก็ถูกปิด แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อนุ่น ซึ่งอยู่วงแชร์คนละกลุ่ม เข้ามาตีสนิทและชักชวนไปร่วมวงแชร์ของเขา

ด้วยความที่ตนอยากได้เงินคืนจากวงแชร์ จึงตัดสินใจเข้าร่วมวงแชร์ที่คนชื่อนุ่นมาชักชวน แต่พอเล่นไปได้ไม่นาน ยอดแชร์ที่ส่งไปแล้วสามแสนบาท แต่ปรากฏว่าแชร์วงนี้ปิดอีก

นุ่น จึงหลอกอุบายชักชวนให้ลุงทุนขายของออนไลน์ เพื่อจะนำเงินที่ขายของได้ และมาใช้หนี้คืนที่ค้างค่าแชร์ แต่ยังไม่ทันตอบรับคำ นุ่นก็ติดต่อมาว่า กำลังจะถูกดำเนินคดีฉ้อโกงที่ศาลจังหวัดสกลนคร และศาลจังหวัดปราจีนบุรี หากเขาถูกดำเนินคดี เงินที่ค้างไว้ก็จะไม่ได้ และไม่อยากติดคุกเพราะมีลูกต้องดูแล

จึงมาขอยืมเงินตน 150,000 บาท เพื่อไปประกันตัว โดยอ้างว่าแม่กับน้าจะได้เงินกองทุนสหกรณ์กว่า 3 แสนบาท จากนั้นจะนำเงินก้อนนี้ มาใช้คืนให้กับผู้เสียหายรวมทั้งหนี้เก่าด้วยรวมเป็นเงิน 270,000 บาท ซึ่งนุ่น อ้างว่าจะคืนให้ภายในวันที่ 20 ไม่เกิน 25 ของเดือน กรกฎาคม ด้วยความสงสาร อีกทั้งเห็นว่าสามารถติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นน้าสาวได้ จึงยอมโอนไปตามที่ตกลง

ครั้งแรกโอน 150,000 บาท จนถึงวันกำหนดที่ต้องคืนเงิน แต่ก็ไม่คืน จึงทวงถาม ก็ผลัดวันคืนมาตลอด จนต่อมานุ่น แจ้งว่าเขาจำเป็นต้องไปขึ้นศาลอีกครั้ง โดยอ้างว่าหากไม่ไป ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และครั้งนี้ ทนายความจะไม่ยอมขึ้นว่าความให้โดยอ้างว่าจะต้องเสียค่าทนาย 50,000 บาท พร้อมทั้งส่งรูปที่ศาลมาให้เพื่อยืนยันว่านุ่นอยู่ศาลจริง

ครั้งนี้อ้างว่า น้าสาวจะเอาเล่มรถไปจำนำ จึงยอมโอนเงินอีกรอบ 50,000 บาท หลังจากนั้น ก็อ้างเรื่อยมา ทั้งค่าทนายความคนใหม่ และยังมาถูกดำเนินคดี พ.ร.บ. เช็ก อีก ต้องใช้เงินค่าประกันตัว ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยครั้งนี้ อ้างว่าตนเองมีที่ดินอยู่ที่ต่างจังหวัดแปลงหนึ่ง จะนำที่ดินแปลงนี้ไปขายให้ พร้อมทั้งส่งโฉนดมายืนยัน ตนเองก็หลงเชื่อเพราะอยากได้เงินทั้งหมดคืน จึงยอมโอนไปอีกหลายแสนบาท

ไม่นานนุ่น ติดต่อกลับมา บอกว่า ที่ดินที่จะขายนั้นติดกับเจ้าของที่คนอื่น จำเป็นต้องเอาเงิน 100,000 บาท ไปเคลียร์กับเจ้าของที่ดินข้างเคียง พร้อมทั้งส่งหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน ที่บอกว่าค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังขาดอีก 100,000 จึงหลงเชื่อโอนไปอีก เสียค่ารังวัดค่าดำเนินการต่าง ๆ อีก

แต่เรื่องก็ยังไม่จบเพียงแค่นี้ คู่กรณียังออกอุบายทั้งหลอกว่าพี่สาวก็เครียดจนกินยาฆ่าแมลงต้องไปล้างท้องและต้องหาเงินค่าหมออีกหลักแสน พร้อมส่งบิลค่ารักษา และส่งใบรับรองแพทย์มาให้ ซึ่งตอนนั้นตนก็ยังคิดว่าจะได้เงินคืนอยู่ แล้วก็หลงเชื่อโอนเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่าครั้งละหลักแสนขึ้นไป บางครั้งก็โอนเข้าบัญชี ผู้ชายคนหนึ่งที่นุ่นอ้างว่าเป็นนายทหาร ซึ่งรวมจากที่โอนเงินให้นุ่นไปสูญเงิน ทั้งสิ้น 5,739,000 บาท

คุณกนกวรรณ บอกว่า เงินทั้งหมดที่โอนให้นุ่น เป็นเงินที่หามาได้ทั้งชีวิต รวมถึงต้องขอให้สามีช่วยเหลือ และเงินเก็บของแม่

ที่ผ่านมาทั้งถูกกดดันจากคู่กรณี ที่คอยทักมาคุยโทรมาคุยพูดโน้มน้าวจนใจอ่อน มีการทำอ้างหนังสือสัญญาเงินกู้สหกรณ์ รวมถึงอ้างไปยังผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่มีที่ดินของคู่กรณี ซึ่งพอตรวจสอบไปย้อนหลังพบว่าเอกสารทั้งหมดที่นุ่นนำมาแสดงเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น กว่าจะรู้ตัวก็หมดเงินไปแล้ว

หลังจากนั้นก็ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ แต่คดีก็ไม่คืบหน้าและทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนเองจึงไปสืบหาที่อยู่ของนุ่น จนไปทราบว่าพักอยู่ที่แฟลตทหารแห่งหนึ่ง เพราะมีสามีเป็นนายทหาร ด้วยความที่อยากได้เงินคืนทั้งหมด

นอกจากนี้ ตนยังติดต่อสอบถามไปยังต้นสังกัดของนายทหาร ก็ระบุว่าจากการสอบสวนนายทหารรายนี้แล้ว ให้ข้อมูลว่าได้หย่าร้างกับภรรยาไปแล้ว เงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีนายทหารนั้นก็โอนต่อให้ นุ่น อดีตภรรยาไปแล้ว ทำให้ตนเองหมดหนทางที่จะดำเนินการและหวังได้เงินคืนแล้ว ได้แต่นอนทุกข์ กินไม่ได้นอนไม่หลับมาโดยตลอด ซ้ำยังไม่เหลือเงินใช้จ่ายภายในบ้าน และยังต้องมาคอยดูแลลูกทั้งสองคนรวมถึงแม่ วัย 67 ปี

คุณกนกวรรณ บอกว่า ตนเคยบอกกับพี่สาวว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจากหนี้สินทั้งหมด จนกระทั่ง แม่ของตนรู้เรื่อง และมาพูดคุยและให้กำลังใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกรณีที่หัวหน้าครอบครัว ฆ่ายกครัว เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงกลัวว่าตนจะคิดสั้น เพราะถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินเหมือนกัน แม่จึงบอกให้ตนติดต่อมาร้องกับสื่อเพื่อขอความช่วยเหลือ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/neqSQKfK2jQ


คุณอาจสนใจ

Related News