อาชญากรรม

แม่แจ้งจับครูสาวหลังทำร้ายร่างกาย-ตบหน้าลูกชายเด็กพิเศษ พบมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย

โดย kanyapak_w

29 ส.ค. 2566

570 views

แม่แจ้งจับครูสาวหลังทำร้ายร่างกายตบหน้าลูกชายเด็กพิเศษ พบมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย



จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Maid Latte ได้โพสต์ภาพและข้อความ เมื่อวานที่ผ่านมาว่า คิดว่าเป็น การกระทำ/ลงโทษ ที่เกินกว่าเหตุไปไหมคะ กับเด็กที่มีสภาวะเป็น "เด็กพิเศษ" จากครูโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่แห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ และการแก้ปัญหาของโรงเรียนคือ การย้ายครูที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไปสอนที่ระดับชั้นอื่นแทน และพักงานเป็นเวลา 1 เทอม ซึ่งครูคนนี้ทำพฤติกรรมแบบนี้กับเด็ก จนเป็นเรื่องปกติ จากการสอบถามเด็กหลายๆ คนมาค่ะ เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องแล้วเหรอคะ? เคยเห็นแต่ในข่าว ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าโดนเองอีกค่ะ โดยหลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าว ออกไป ก็มีคนเข้ามากดไลก์และแชร์ออกไปจำนวนมาก และร่วมแสดงความคิดเห็น จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักถึงการกระทำดังกล่าว




วันนี้ 29 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบเจ้าของเฟซบุ๊ก ชื่อ Maid Latte ซึ่งเป็นแม่ของเด็ก (ขอสงวนชื่อและนามสกุล ) อายุ 42 ปี ของน้องบี (นามสมมุติ) อายุ 10 ขวบ พร้อมกับกล่าวว่า ลูกชายของตนเป็นเด็กพิเศษ เรียนอยู่ชั้น ป.5 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 18 ส.ค.66 ที่ผ่านมา โดยได้รับแจ้งจากครูประจำชั้นทางโทรศัพท์ว่า ลูกชาย ถ่มน้ำลายใส่ครู ก่อนที่ครูจะเกิดบันดาลโทสะตบที่แก้มขวา 1 ที จนแดงช้ำ จึงได้เดินทางไปพูดคุยที่โรงเรียนก่อนจะมีการพูดคุยกับอาจารย์ที่ลงมือ ก่อนจะขอโทษจบกันไป น้องก็เข้าเรียนต่อจนเย็น ก่อนจะมาพบรอยฟกช้ำที่อยู่บริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างนั้น ในช่วงเย็น โดยครูดังกล่าวแจ้งว่า เกิดจากครูได้จับตัวน้องเนื่องจากวิ่งพยายามหนีจนควบคุมตัวเองไม่ได้ หลังจากนั้น ตนจึงได้ลูกชายไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาล ก่อนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคุณครูสาวรายนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน





หลังจากเกิดเหตุ ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ และจะดำเนินการพักการสอน 1 เทอม และย้ายชั้นไปสอนชั้นอื่นเพียงเท่านั้น แต่ที่ตนออกมาโพสต์ เพื่อต้องการความเป็นธรรม และอยากให้ครูที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ออกจากโรงเรียนไป เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก




คุณอาจสนใจ

Related News