ข่าวโซเชียล

นักเรียนหญิง ม.2 ถูกทำโทษลุกนั่งนับร้อยครั้ง เหตุลืมไม้แบด แพทย์ชี้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลาย

โดย weerawit_c

27 ส.ค. 2566

974 views

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ramin Singtep ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า "แค่น้องผมลืมไม้แบดไปโรงเรียน จำเป็นต้องให้ ลุกนั่ง 100 รอบไหมครับ มันเกินไปไหม น้องผมเจ็บขามา 3 วันแล้ว เจ็บจนร้องไห้ ต้องกินยาแก้ปวด จนวันนี้น้องผมได้เข้าโรงพยาบาล มันเกินไปไหมครับการลงโทษแบบนี้ แค่ลุกนั่ง 20 รอบ ก็เหนื่อยแล้ว อันนี้ 100 รอบ เลยนะครับ เกินไปไหม พอเถอะนะครับลงโทษแบบนี้ คุณครูลองมาทำดูเองไหมครับ ลุกนั่ง 100 รอบ น้องผมเป็นนักเรียนอยู่แค่ ม.2 ไม่ใช่ทหารนะครับ. #หยุดลงโทษที่เกินกว่าเหตุ" หลังจากมีการเผยแพร่โพสออกไปต่างก็มีผู้คนในโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก


วานนี้ (26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่ไปที่บ้านของเด็ก โดยพบกับนางวัชรี สิงห์ท่า อายุ 60 ปี ผู้เป็นยายของเด็ก และ นายเสริมวิทย์ สิงห์ท่า พ่อของเด็กหญิงผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังอยู่ในอาการน่าวิตก เนื่องจากยังมีอาการค่อนข้างหนัก เดินไม่ได้ และต้องนอนพักอยู่ในห้องเพียงอย่างเดียว และอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัว


โดยพ่อของเด็ก เล่าว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งลูกถูกครูทำโทษหนัก แค่ด้วยเหตุลืมนำไม้แบดมินตันไปเรียน แล้วถูกลงโทษรุนแรง แต่กลับบ้านก็ไม่เล่าให้ครอบครัวฟัง แม้จะบาดเจ็บ และยังฝืนกินยาแก้ปวดแล้วไปโรงเรียนตามปกติ จนกระทั่งวันที่ 24 ส.ค.เจ็บจนทนไม่ไหว จึงบอกผู้ปกครอง จนต้องส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.จึงทราบความจริง ว่าถูกครูทำโทษ แบบทารุณ จนเกินกว่าเหตุ จนรับไม่ได้ กับการลงโทษอย่างหนักแบบนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องแบบนี้ ก็ทราบว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการ สั่งให้ยกเลิกการทำโทษนักเรียนในลักษณะนี้นานแล้ว แต่ไม่คิดว่ายังจะมีการกระทำเช่นนี้เหลืออยู่ ซึ่งบอกว่ารับไม่ได้


และยืนยันรับไม่ได้ กับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับนำภาพถ่ายใบรับรองแพทย์ของ รพ.เสลภูมิ ที่ระบุว่า อยู่ในสภาวะของการสลายกล้ามเนื้อ ซึ่งสอบถามว่า อาการดังกล่าวถือว่ารุนแรงหรือไม่ ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่า ถือว่าอาการหนัก เพราะเกิดอาการที่เรียกว่า ค่าของเลือดสูง ที่จะส่งผลกระทบต่อไต ซึ่งอาการของการเกิดอาคารค่าของเลือดสูง ทำให้เกิดความเสี่ยง อาจจะทำให้เกิดสภาวะไตวาย จนอาจจะเสียชีวิตได้ ซึ่งถือว่าผิดปกติ และแพทย์แนะนำว่าให้นอนพักรักษาตัวอยู่ รพ. เพื่อให้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่เด็กไม่ยอมอยู่ รพ. และขอกลับมานอนรักษาตัว และกินยาอยู่ที่บ้าน


ซึ่งพ่อของเด็ก และย่า กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ แล้วมีคนนำเรื่องนี้ไปโพสต์ทางโซเชียล ปรากฏว่า ทางผู้อำนวการโรงเรียน และครูคนดังกล่าว ก็ได้นำกระเช้ามาเยี่ยม พร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ ที่จะเยียวยา และเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอให้ลบโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นดังกล่าว เพราะกระทบต่อชื่อเสียง และความเสียหายแก่โรงเรียน แต่จากการพูดคุยกับคนที่โพสต์เรื่อวราวดังกล่าว ยืนยันว่าจะไม่ลบจนกว่า เรื่องราวจะจบลง หลังจากคนเจ็บหายเป็นปกติแล้วเท่านั้นจึงจะลบ เพราะตอนนี้ ที่วิตกกังวลที่สุด คือกลัวว่าอาการจะรุนแรง จนไม่แน่ใจว่าจะหายเมื่อไร


และที่วิตกกังวลคือ เมื่อหายแล้ว ก็กลัวว่าลูกสาวจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นแม้ทางผู้บริหาร โรงเรียน หรือผู้อำนวยการเขตการศึกษา ที่มาเยี่ยมแสดงเจตนารมณ์ที่จะจ่ายเงินเยี่ยวยา ค่ารักษาให้ในตอนนี้ เพื่อจบเรื่อง แต่ลูกสาวยังไม่หายนั้น ตนยืนยันว่าจะไม่รับเงินเยียวยา และค่ารักษาในช่วงนี้ และหากจะดูแลเยียวยาค่ารักษาใดๆ จนกว่าจะหายดีแล้วจึงจะรับ เพราะเกรงว่าหากรับแล้วจะมีปัญหาตามมาภายหลัง เพราะเห็นว่าหากรับในขณะที่ลูกสาวยังไม่หาย และมีอาการแทรกซ้อนอื่น ก็อาจจะมีการใช้เป็นข้ออ้าง ที่จะไม่รับผิดชอบในภายหลังได้ ดังนั้นจึงต้องรอให้ลุกสาวหายดีแล้วเท่านั้น จึงจะมีการพูดคุยกัน


และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรนอกเหนือจากการรักษาพยาบาลลูกสาวให้คืนสู่สภาวะปกติก่อน และไม่มีเจตนาจะเรียกเงินชดใช้นอกเหนือจากการรักษาอาการของลูกสาวให้หายดี ก็พอใจแล้ว


สำหรับในส่วนของการที่ครูคนดังกล่าวทำรุนแรงเช่นนี้กับเด็ก ก็ทราบว่ามีการทำเช่นนี้มาหลายรอบแล้ว และลูกสาวของตนก็ไม่ใช่รายแรกที่ถูกกระทำเช่นนี้ ซึ่งตนคิดว่าควรเลิกได้แล้ว กับการทำโทษเด็กเช่นนี้ ส่วนจะมีการเรียกร้องให้ลงโทษครูหรือไม่ ตนเองก็ไม่อยากพูดถึง และคิดว่าเรื่องนี้ ควรจะเป็นเรื่องของ ผอ.และฝ่ายบริหาร ควรจะรับไปพิจารณาว่า ควรจะลงโทษหรือควรจะเอาผิดหรือไม่ ก็คงต้องให้ไปพิจารณากันเอาเอง ว่าเหมาะว่าควรหรือไม่ ที่ทำกับลูกของตน หรือเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ซึ่งก็ทราบว่าเกิดการลงโทษนักเรียนในลักษณะเช่นนี้ ขึ้นหลายรายแล้ว ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก


สุดท้ายตนก็อยากฝากถึงครูผู้ที่สั่งจองโทษเด็กว่าให้หยุดพฤติกรรมเช่นนี้เพราะหากเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบทั้งครอบครัวและตัวเด็กเอง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าลูกของตนจะกลับมาเดินได้ปกติไหม ก็คงจะต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ให้ต่อเนื่องต่อไป


ด้าน ผอ. โรงเรียนที่เกิดเหตุ โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ก็เล่าให้ฟังว่า เบื้องต้นได้เรียกคุณครูที่ลงโทษเด็กมาตักเตือนว่า ไม่ให้กระทำการเช่นนี้อีก พร้อมกับจะได้พูดคุยกับทางครอบครัว เพื่อดูแลรักษาเด็กให้กลับมาเป็นปกติ



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/dzxgbBW94_A

คุณอาจสนใจ

Related News