เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' แถลงพร้อมเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทำงานเคียงข้างประชาชน สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม

โดย panisa_p

22 ส.ค. 2566

31 views

“ก้าวไกล” แถลงพร้อมเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก-สร้างสรรค์ “ชัยธวัช” ลั่น สิ่งที่จะล้มรัฐบาลไม่ได้คือศรัทธาของประชาชน จี้ ศาลรธน.เคลียร์คดี “พิธา” กันติดเงื่อนไขผู้นำฝ่ายค้าน ชะงักหลังถูกถาม “ชลน่าน” ไม่อยากจับมือ “ก้าวไกล” บอกเป็นความเห็นเพื่อไทย มองคงไม่ต้องคุย “ประชาธิปัตย์” เพราะธรรมขาติพรรคฝ่ายค้านไม่มีการแบ่งงานกัน


เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 22 ส.ค. 66 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยสส.ก้าวไกล แถลงถึงทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ ว่า วันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ มิได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้มิใช่การสลายขั้วความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประชาชน และวาระของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่นี่เป็นการสยบยอม และต่อลมหายใจให้กับระบบการเมืองที่คณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 พยายามที่จะสถาปนาขึ้น เป็นการทำลายความหวัง ความฝัน และอำนาจของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย


ต่อจากนี้ไปพรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทุกเสียงของพี่น้องประชาชนที่มอบให้กับพรรคก้าวไกลต้องมีความหมาย ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลทุกคนจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชน ผ่านกลไกต่างๆ ของสภา รวมทั้งการทำงานกับประชาชนนอกสภา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย


แม้ผู้มีอำนาจจะพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกลยังยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างมั่นคง ด้วยความเชื่อมั่นว่า พลังของพี่น้องประชาชนจะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ให้แก่สังคมไทยได้ในที่สุด


“สักวันนึงเราจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สักวันนึงเราจะมีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเท่าทันโลกและเป็นธรรม สักวันนึงเราจะมีสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ยึดถือความมั่นคงของประชาชนเป็นความมั่นคงของชาติ ด้วยความเคารพในประชาชนที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ”นายชัยธวัชกล่าว


เมื่อถามว่า จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณากันในพรรค ยังมีเวลาอยู่ ส่วนกำหนดเวลาในช่วงไหนนั้น ในรัฐธรรมนูญมีการกำหนดเวลาไว้ว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตนไม่แน่ใจว่าจะต้องแต่งตั้งหลังมีคณะรัฐมนตรีกี่สัปดาห์


เมื่อถามว่า นายปฏิพัทธ์สันติ ภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีเวลาต้องดูตามกรอบรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีการกดดันจากฝ่ายบริหารให้นายปฏิพัทธ์ลาออกหรือไม่นั้น


ตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวฝ่ายบริหาร เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝ่ายบริหารจะกดดันในเรื่องดังกล่าว


เมื่อถามว่าเงื่อนไขการโดนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มีปัญหาแน่นอน จึงอยากเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะคณะกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในส่วนของคดีอาญา เห็นว่า ไอทีวี ไม่ใช่บริษัทสื่อแล้ว จึงหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการพิจารณาไต่สวนเรื่องนี้หลังจากที่พักก้าวไกลได้ยื่นเอกสารชี้แจงไปแล้วโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนความยุติธรรมให้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นายพิธา


เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้วส.ส. น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าถ้าไม่มีกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่แรก นายชัยธวัช ชงักพร้อมกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของพรรคเพื่อไทย


เมื่อถามว่ามีแผนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วที่สุดเมื่อไหร่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องทำอย่างสร้างสรรค์ นึกถึงหลักการและเหตุผลเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ว่า จะคัดค้านและจ้องล้มรัฐบาลอยู่ทุกวัน ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่จะล้มได้คือศรัทธาของประชาชน แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าทำงานเตรียมความพร้อมการบริหารประเทศการบริหารประเทศให้ดีที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป


เมื่อถามว่าจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ต่อหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า กฎหมายที่เราได้เคยหาเสียงไว้กับประชาชน เราจะดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็ทยอยเสนอไปแล้วหลายชุด


เมื่อถามว่าจะมีการแบ่งงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ถ้า นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่จำเป็น โดยธรรมชาติ พรรคฝ่ายค้านไม่มีการแบ่งงานกัน เพียงแต่อาจจะมีวาระที่จะต้องทำร่วมกันเช่น การอภิปรายไม่ไว้ใจ การตรวจสอบฝ่ายบริหารในวาระต่างๆ อันนี้จำเป็นต้องที่ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติ หลังจากที่มีการแต่งตั้งวิปทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ก็คงจะเริ่มพูดคุยกัน

คุณอาจสนใจ

Related News