เยาวชนหญิงวัย 15 ปี ยืนอยู่ป้ายรถเมล์ ถูกชายวัยกลางคนก่อเหตุอนาจารช่วยตัวเองภายในรถ

เยาวชนหญิงแจ้งความตำรวจ หลังถูกชายวัยกลางคนก่อเหตุอนาจารช่วยตัวเองภายในรถต่อหน้าเยาวชน ด้านครอบครัวรู้สึกไม่ปลอดภัยมองพฤติกรรมแบบนี้เป็นภัยสังคม



ครอบครัวของเยาวชนหญิง อายุ 15 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางโพงพาง หลังจากที่ เยาวชนหญิงถูกชายมาจอดรถริมทางเท้าขณะที่เธอกำลังรอรถเมล์แล้วชายคนดังกล่าวก็ทำการช่วยตัวเองอยู่ภายในรถต่อหน้าเยาวชนหญิง เหตุเกิดที่บริเวณถนนพระราม 3



โดยนายเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานบริษัท พ่อของเยาวชนหญิง นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านคลองเตย เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้านี้ประมาณ 7 โมงเช้า หลังจากที่ตนเองมาส่งลูกที่บริเวณท่าเรือข้ามฟากสาธุประดิษฐ์ จากนั้นลูกสาวก็เดินมายังป้ายรถประจำทาง บริเวณแยกสาธุประดิษฐ์ ถนนพระราม 3 เพื่อรอรถเมล์นั่งต่อไปที่โรงเรียน โดยระหว่างที่รอรถเมล์อยู่นั้น ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า มีชายวัยกลางคน รูปร่างท้วม ขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับรถมาจอดริมถนนตรงกับป้ายรถประจำทางที่ลูกสาวนั่งอยู่

จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ลดกระจก ด้านข้างคนขับ แล้วทำการช่วยตัวเอง โชว์ให้ลูกสาว ซึ่งตอนนั้นลูกสาวตกใจ และก็พอตั้งสติได้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป ส่งมาให้ตนเองดู แต่เมื่อผู้ก่อเหตุเห็นว่า เยาวชนหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นถ่ายก็ขับรถหลบหนีไป ตนเองจึงให้ลูกสาวไปโรงเรียนก่อน แต่ตนเองรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จึงไปรับลูกสาวมาแจ้งความ



พ่อของผู้เสียหาย ยังได้เล่าให้ฟังอีกว่า หลังเกิดเหตุลูกสาวได้เล่าให้ฟังอีกว่าทุกครั้งที่ลูกสาวมารอรถเมล์จะมีรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดบริเวณป้ายรถเมล์เป็นประจำ จนเธอผิดสังเกตแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ครอบครัวฟังเพราะไม่ได้เกิดเหตุไม่ดีขึ้น แต่ครั้งนี้รถคันดังกล่าวกลับลดกระจกลงมาแล้วทำอนาจารต่อหน้าเธอ และเมื่อถามว่าระหว่างเกิดเหตุ ผู้คนบริเวณป้ายรถเมล์มีใครเห็นพฤติกรรมของโรคจิตคนนี้บ้าง

นายเอ ก็บอกว่า ขณะนั้นก็มีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เพราะอาจจะเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงไม่ตกใจเท่ากับลูกสาวตนเอง อีกทั้งมุมกระจกก็ตรงกับลูกสาวมากกว่า และอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง จัดกำลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวนมาคอยสังเกตการณ์ เนื่องจากพฤติการณ์เป็นภัยสังคม ส่วนตนเองจะให้ลูกสาว เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางโดยจะไปส่งในจุดที่ไม่ต้องรอรถเมล์ในบริเวณดังกล่าวอีกและคิดว่าคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกกับลูกสาว ส่วนสภาพจิตใจลูกสาวตอนนี้ก็หายตกใจแล้วและก็ไม่ได้กังวลมากแล้ว

ด้าน พันตำรวจเอก อนันต์ชัย กมลรัตน์ ผู้กำกับการสน.บางโพงพาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน เร่งตรวจสอบผู้ครอบครองรถเก๋งคันดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการจับกุมตัวได้ในเร็วๆ นี้ เบื้องต้นจะ ทำการแจ้งข้อกล่าวหากระทำการอันควรขายหน้าต่อทาระกำนัล มีโทษปรับ 5,000 บาท ก่อนขยายผล ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา ว่ามีคดีอื่นติดตัวด้วยหรือไม่เพื่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป