เคยถูกจับแต่ยังเปิดซ้ำ บุกโกดังบุหรี่-เหล้าเถื่อน อ.หาดใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง นำทีมบุกค้นร้านบุหรี่และเหล้าหนีภาษี 2 ร้าน และโกดังเก็บของอีก 1 แห่ง ในเมืองหาดใหญ่ ยึดของกลางจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท พบเคยจับกุมมาแล้วเมื่อเดือน มี.ค. แต่ยังกลับมาขายซ้ำในย่านเดิมไม่เกรงกลัวกฎหมาย พบบางร้านรายได้เกือบเดือนละ 10 ล้านบาท



เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 66 นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ นำกำลังฝ่ายปกครอง สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.หาดใหญ่ และ สำนักงานสรรพสามิต ภาคที่ 9



นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา เข้าทำการตรวจค้นร้านจำหน่ายบุหรี่และเหล้าหนีภาษี 2 ร้าน และโกดังเก็บของอีก 1 แห่ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยร้านที่ 1 ตั้งอยู่ที่ ถ.นวลแก้วอุทิศ ส่วนร้านที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถ.นะพัทธ์สงเคราะห์ 1 และโกดังเก็บของตั้งอยู่ที่ ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 3 ซ.5



โดยใน 2 ร้านแรกนั้น เจ้าหน้าพบแค่ของกลางเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในส่วนของโกดังพบของกลางจำนวนมาหลายรายการทั้งบุหรี่และเหล้าหนีภาษีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งเป็นที่นิยมในท้องตลาด นอกจากนี้ ยังมีไพ่และยาแก้ไอที่ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม 4 คูณ 100 อีกบางส่วนด้วย จึงตรวจยึดเอาไว้ โดยทั้ง 3 จุด เจ้าหน้าที่คาดว่า มีมูลค่ารวมกันราว 100 ล้านบาท และเบื้องต้นยังพบว่า โกดังแห่งนี้มีการขอเช่ามาตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 65



สำหรับการบุกตรวจค้นทั้ง 3 จุด ค้นในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ได้ลงพื้นที่ และจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่และเหล้าหนีภาษีได้หลายจุดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจากการสืบสวนสอบสวนพบข้อมูลบางอย่าง และโกดังเก็บของ รวมทั้งเมื่อถูกจับแล้วก็ยังมาเปิดขายในย่านดังกล่าวอีก จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบได้ของกลางดังกล่าว และจะทำการคัดแยก ตรวจนับอย่างละเอียดอีกครั้ง



รวมทั้งจะเชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งศุลกากร สรรพสามิต และ ปปง. มาร่วมตรวจสอบว่า เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในส่วนใดบ้าง เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวเจ้าของ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาสอบสวนดำนเนินคดีตามกฎหมาย โดยบางร้านนั้นพบบัญชีมีรายได้เดือนละเกือบ 10 ล้านบาท



นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ กล่าวด้วยว่า ในแต่ละรัฐบาลไทยต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีของบุหรี่และเหล้าที่หลบหนีภาษีไม่น้อยกว่าปีละ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่จะสามารถเอาไปพัฒนาประเทศได้อีกมาก



โดยขอให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจหรือกิจการที่ผิดกฎหมายเหล่าหนี้เลิกเสีย และขอความร่วมมือประชาชนชนงดสนับสนุนของหนีภาษีเหล่านี้ เพราะ ทั้งผิดกฎฏหมาย และอาจจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือหากมีเบาะแสสิ่งของหนีภาษี หรือผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้