เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ดัชนีราคาสินค้าหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยเมื่อวานนี้ ว่า  ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักสำหรับอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ปรับตัวลดลง 0.3% ในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจของจีนที่น่าผิดหวังตัวเลขที่สอง ในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันอังคาร มีการเผยแพร่ตัวเลขยอดส่งออก ที่ลดลงมากที่สุดในช่วงเวลากว่า 3 ปี

โดยราคาสินค้าผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงนั้น เป็นผลจากราคาอาหารสำคัญๆ หลายรายการที่ตกต่ำลง เช่น ราคาเนื้อหมู ลดลงถึง 26% จากเดิมที่ 7.2% เนื่องจากการบริโภคลดลง

ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายวิตกว่า จีนกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด และปัญหานี้อาจไม่จบง่ายๆ เนื่องจากปัจจัยที่จะกระตุ้นการเติบโตได้อย่างสำคัญของจีนขณะนี้ล้วนมีปัญหา ซึ่งรวมถึงวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย

นอกจากนั้น ดัชนีราคาผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อประจำเดือนกรกฎาคมของจีน ก็ลดลง 4.4% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 10 ซึ่งดัชนีดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดต้นทุนสินค้าที่ออกจากโรงงาน  

อีกทั้ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จีนก็เปิดเผยตัวเลขยอดส่งออกประจำเดือนกรกฎาคมลดลง 14.2% ซึ่งถือว่า รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี โดยสาเหตุสำคัญเนื่องมาจากอุปสงค์ที่ลดลงในตลาดต่างประเทศ

นักวิเคราะห์ระบุว่า ภาวะเงินฝืดครั้งนี้ จะยาวนานกว่าที่แล้วๆ มา เนื่องจากตัวกระตุ้นการเติบโตหลักๆ ของจีน ต่างพากันหยุดนิ่ง ซึ่งภาวะเงินฝืดคือภาวะที่สภาพเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียของเงินที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างรุนแรง

ขณะที่ อัตราว่างงานของผู้คนวัยหนุ่มสาวขณะนี้ ทำสถิติสูงสุดที่กว่า 20% นอกจากนั้น ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังชี้ว่า การฟื้นตัวที่ต่ำกว่าคาด ไม่เพียงพอชดเชยดีมานด์ทั่วโลกที่ซบเซาลง รวมทั้งไม่สามารถกู้ฟื้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้

------------