'อนันดา' จี้รัฐรับผิดชอบ หลังถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสร้าง 'แอชตัน อโศก'

ศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างทุกใบของคอนโดมีเนียม แอชตัน อโศก ซึ่งขายไปแล้วกว่า 666 ห้องจากทั้งหมด783 ห้อง โดยศาลวินิจฉัยว่าการที่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. นำที่ดินบางส่วนของ รฟม.ไปให้เอกชนใช้ประโยชน์เป็นถนนเข้าโครงการ ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย จึงเพิกถอนใบอนุญาตทุกใบ เท่ากับตอนนี้คอนโดมีเนียม มูลค่ากว่า 6 พันล้าน มีสภาพเป็นคอนโดเถื่อน



ขณะที่ บริษัทอนันดา ที่เป็นผู้สร้างคอนโด นี้เรียกร้องให้ภาครัฐที่ออกใบอนุญาตรับผิดชอบ ความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าจะขอเข้าพบทั้งผู้ว่ากทม.และ ผู้ว่าการ รฟม.ภายใน 14 วัน เพื่อทวงถามความรับผิดชอบ



วันนี้ (27 ก.ค. 66) ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนใบอนุญาตทุกใบ ของคอนโดมีเนียมแอชตัน อโศก ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทอนันดา เอมเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของไทยกับบริษัทมิตซุย ฟูโดซัง ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาคอนโดมีเนียมสูงกว่า 50 ชั้น มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท



คำพิพากษาอย่างละเอียดมีทั้งหมด 167 แผ่น ใจความสำคัญของคดี คือกรณีที่ผู้ฟ้องนำโดยสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และผู้ฟ้องคนอื่นๆ รวม 16 คน ยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้อง 5 ราย คือ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา /ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ผู้ว่าการ รฟม. / คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา EIA ของโครงการ รวมผู้ถูกฟ้องคดี 5 คน



นัยยะสำคัญของการฟ้อง ระบุว่าคอนโดมีเนียมดังกล่าว มีโครงการจะสร้างอาคารสูงเกินกว่า 10 ชั้น ซึ่งเงื่อนไขอนุญาตคือต้องมีถนนทางเข้าโครงการไม่น้อยกว่า 13 เมตร ที่เชื่อมต่อกับถนนเส้นทางหลัก เพื่อให้รถดับเพลิงของกทม.เข้าถึงพื้นที่ตึกสูงได้ แต่โครงการนี้เดิมมีถนนเข้าโครงการ กว้างประมาณ 6 เมตร จึงประสานขอใช้ถนน เข้าลาน จอดรถของ รฟม.ที่มีอยู่แล้ว และปรับปรุงเพิ่มให้มีความกว้างไม่น้อยกว่า13 เมตร และลงทุนอีกเกือบ 100 ล้านบาท สร้างอาคารลานจอดรถให้ รฟม. ทำให้คอนโดฯมีถนนเข้าโครงการตรงตามเงื่อนไขการสร้างตึกสูง



ประเด็นนี้เองที่ผู้ร้องได้ร้องว่า รฟม.มีสิทธิ์นำที่ดินที่เวนคืนมาเพื่อสร้างรถไฟฟ้า ของรฟม.ไปให้เอกชนซึ่งก็คือคอนโดแอชตัน อโศกใช้ประโยชน์ร่วมกันได้หรือไม่ ซึ่งศาลปกครองกลาง พิพากษาก่อนหน้านี้แล้วว่า รฟม.ไม่สามารถนำที่ดิน ที่เวนคืนมาเพื่อสร้างรถไฟฟ้าของรฟม.ไปให้เอกชนรายอื่นใช้ประโยชน์ได้ เท่ากับคอนโดมีเนียมนี้ ไม่มีถนนทางเข้าออกที่ตรงตามเงื่อนไขอนุญาต และเมื่อไม่มีถนนตรงตามเงื่อนไขอนุญาต ศาลจึงสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทั้งหมดประมาณ 4 -5 ใบของโครงการนี้ โดยให้มีผลย้อนหลัง ไปถึงวันที่อนุญาต



อย่างไรก็ตาม ในคำพิพากษา ระบุว่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ซื้อ ตามคำร้องของผู้ร้องสอด ก็คือบริษัทอนันดา และเพื่อให้โอกาสผู้ถูกฟ้องที่ 4 คือผู้ว่าการ รถไฟฟ้า รฟม. แก้ไขความบกพร่องที่อยู่ในวิสัยที่อาจแก้ไขได้ จึงกำหนดเงื่อนไขในคำพิพากษา ให้ผู้ว่า รฟม.ในฐานะผู้ถูกฟ้องที่ 4 นำเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน รฟม.นี้ เสนอต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ครม.พิจารณาภายใน 270 วัน นับจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา หาก ครม.เห็นชอบเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินของ รฟม.ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เพิกถอนคำพิพากษานี้



ขณะที่บริษัทอนันดา ออกแถลงการณ์เรื่องนี้ ใจความสำคัญว่า กรณีที่ศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยไว้ในประเด็นสำคัญที่ว่า ที่ดินของ รฟม. ไม่อาจนำมาให้บริษัทฯ หรือ เอกชนใช้ในการทำโครงการได้ จึงทำให้หน่วยงานของรัฐไม่อาจออกใบอนุญาตในการก่อสร้าง มีผลให้ ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น



บริษัท ฯ เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ออกใบอนุญาต ต้องดำเนินการตามกฎหมาย รอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ประมาทเลินเล่อ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนทำให้ผู้ประกอบการหรือประชาชนเสียหาย



และหากมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังเกิดขึ้นเป็นคดีนี้แล้ว หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและทำการเยียวยาในความเดือดร้อน เสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม และโดยไม่ชักช้า ดังนั้น ผลแห่งคำพิพากษาที่เกิดขึ้นดังกล่าว หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะ หากหน่วยงานราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ไม่เห็นชอบและอนุมัติแล้วโครงการนี้จะไม่สามารถก่อสร้างได้ตั้งแต่แรก ซึ่งจะไม่เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงอย่างที่เป็นอยู่



ผู้บริหารบริษัทอนันดา ฯยังระบุว่า อยู่ระหว่างประสานเข้าพบผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และผู้ว่าการรถไฟฟ้า รฟม. เพื่อทวงถามความเสียหายที่เกิดขึ้นภายใน 14 วัน นับจากนี้



ข่าว 3 มิติ สอบถามล่าสุดจากโฆษกกรุงเทพมหานคร ระบุว่าฝ่ายกฎหมายกำลังศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียด โดยพร้อมจะปฎิบัติตามคำสั่งศาล ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีผู้เดือดร้อนมากกว่า 580 ครอบครัว โดยจะแจ้งรายละเอียดทันที ที่มีความคืบหน้า