สังคม

"ราเมศ" โต้ข่าวดีลร่วมรัฐบาลเพื่อไทย โยนพรรค ตัดสินใจ ยกมือให้ "เศรษฐา" เป็นนายกฯ

โดย nutda_t

21 ก.ค. 2566

1.4K views

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุผลการเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคออกไป จากเดิมกำหนดวันที่ 23 ก.ค.นี้ เนื่องจากมีการขอเพิ่มองค์ประชุม 5 ภาค ภาคละ 25 คน โดยนายวิรัช ร่มเย็น ในฐานะนายทะเบียนพรรคเป็นผู้เสนอขอเพิ่ม โดยวันนี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อออกระเบียบวิธีการคัดเลือกสมาชิกมาเป็นองค์ประชุม ก่อนจะแจ้งให้สมาชิกพรรครับทราบไม่น้อยกว่า 5 วัน ก่อนประชุมใหญ่วิสามัญ พร้อมยืนยันการเพิ่มองค์ประชุม เพราะอยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบ ยืนยันว่าไม่มี เพราะการเพิ่มองค์ประชุม รองหัวหน้าภาค จะไปคัดเลือก


ขณะเดียวกัน นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่เพื่อไทย จะเสนอชื่อ นายเศษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่าวงประชุม ส.ส.พรรค ได้มีการพูดกันเรื่องนี้ แต่ในส่วนของกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้คุยกัน ดังนั้นรายงานข่าวที่ระบุว่า 16 ส.ส. ขอไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย อ้างอิงถึงขั้วของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคนั้น ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยว่าจะร่วม หรือไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และไม่มีใครตัดสินใจได้คนเดียว จะต้องเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทั้ง 25 คน ซึ่งไม่อยากให้มีการรายงานข่าวลักษณะนี้ พรรคเสียหาย และประชาชนสับสน พร้อมย้ำว่าไม่มีใครใช้อำนาจพละการไปตกลงปลงใจว่าร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล


นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอข่าวอ้างว่า เพจของพรรคโพสต์ว่า 16 ส.ส.เขต ภาคใต้ ปันใจให้พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า เพจของพรรค ไม่เคยมีการโพสต์ลักษณะนี้ ส.ส.พรรคทุกคน อยู่ภายใต้ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์กติกาของพรรค


ส่วนที่คาดว่าจะได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก่อนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องมีการเลือกให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ


นายราเมศ ยังกล่าวถึง กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 จะเป็นปัจจัยที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจยกมือให้หรือไม่ ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเรื่อง ม.112 มาโดยตลอด ซึ่งจะต้องมีการหารือกันในที่ประชุมของพรรค เพราะต้องมีรายละเอียดอีกเยอะ เพราะการจะยกให้มือให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องดูนโยบายว่าตรงกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่


ส่วนกรณี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุว่าหากพรรคก้าวไกล ถอยเรื่องการแก้ไข ม. 112 พร้อมยกมือสนับสนุนให้นั้น ตนไม่ขอก้าวล่วงว่าพรรคก้าวไกล ควรยกเลิกหรือถอยเรื่องการแก้ไข ม. 112 หรือไม่ แต่ส่วนตัว มองว่าพรรคก้าวไกลยังไม่มีท่าทีที่จะถอย ซึ่งหากมีประเด็นนี้ ก็จะต้องเข้าหารือในที่ประชุมอีกครั้ง


นายราเมศ ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมามีการกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์โหวตเลือกนายกฯ ให้พรรคก้าวไกล ตามเสียงข้างมากของประชาชน 14 ล้านคน ขอชี้แจงว่าจะคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะคนที่เลือกประชาธิปัตย์มาก็ชื่นชอบในอุดมการและนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะเลือกใครเป็นนายกฯ หรือร่วมรัฐบาลกับใคร ก็ต้องเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกมาเช่นเดียวกัน

คุณอาจสนใจ

Related News