ออกหมายจับ 4 ราย ร่วมกันฆ่านักธุรกิจเยอรมัน พร้อมสั่งเพิกถอนวีซ่า กันหนีออกนอกประเทศ

ออกหมายจับ 4 ราย มือฆ่าหั่นศพนักธุรกิจเยอรมัน เอี่ยวแก๊งมาเฟีย 'บิ๊กโจ๊ก' สั่งเพิกถอนวีซ่า ป้องกันหนีออกนอกประเทศ

จากกรณีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวเยอรมัน นานกว่า 6 วัน ก่อนที่เมื่อหัวค่ำวานนี้ (10 ก.ค. 2566) ตำรวจชุดสืบสวนในคดี จะพบร่องรอยนำไปสู่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หนองปรือ จังหวัดชลบุรี และพบว่าร่างของนายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค อายุ 62 ปี นักธุรกิจชาวเยอรมัน ถูกหั่นแยก 13 ส่วน แช่อยู่ในตู้แช่งแข็งภายในบ้านเช่า

ต่อมามีข้อมูลเปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 12.00 น.ที่ผ่านมา ตำรวจหนองปรือออกหมายจับ MR.OLAF THORSTEN BRINKMANN, Mrs.Petra Christl Grundgreif, นายซาฮ์รูค คารีม อุดดิน ชาวปากีสถาน สัญชาติไทย และชายชาวเยอรมันอีกราย ยังไม่ทราบชื่อ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ

ตำรวจพบข้อมูลว่าบุคคลทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกลุ่มแก๊ง Outlaws ที่เป็นแก๊งมาเฟียชาวต่างชาติที่มีอยู่ทั่วโลก โดยกลุ่มนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทยในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี และจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักรวมตัวกันอยู่

พร้อมกันนี้ยังมีรายงานว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่ากลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ทั้งหมดเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ

ขณะที่ชุดสืบสวนได้มีการรายงานมายังคณะทำงานของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ วันนี้ (11 ก.ค. 2566) เบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหายที่เป็นนักธุรกิจชาวเยอรมัน พบว่าขณะนี้มีการโอนเงินรวมแล้วกว่า 3 ล้านบาท  เป็นการโอนเงินไปสู่บัญชีปลายทางหลายบัญชี

ภายหลังการประชุมวานนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังได้สั่งการให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดำเนินการกวดขันกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้ และดำเนินการหามาตรการป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก โดยทันทีและให้มีการรายงานความคืบหน้ากลับมายังคณะทำงานของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์

พร้อมยังสั่งการให้คณะทำงานทั้งหมดตรวจสอบว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีคนไทยเข้าไปร่วมก่อเหตุหรือไม่ เพราะการก่อเหตุในลักษณะแบบนี้ชาวต่างชาติไม่สามารถดำเนินการได้เพียงอย่างเดียวต้องอาศัยคนไทยร่วมมือด้วย ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง

ขณะที่ตัวของนางเพธา นกต่อที่ทำหน้าที่เป็นคนติดต่อและชี้เป้า นายฮันส์ ปีเตอร์ ยังคงไม่ให้การใดๆ หลังจากมีการเชิญตัวมาสอบปากคำ โดยคณะทำงานยังพบเส้นทางการเงินจำนวน 800,000 บาท ที่โอนเงินเข้าบัญชีของนางเพธา ซึ่งเจ้าตัวยังคงไม่ให้การใดๆ เกี่ยวกับเงินก้อนนี้อีกด้วย