สังคม

ครอบครัว “ฮันส์ ปีเตอร์” นักธุรกิจชาวเยอรมัน เข้าร้อง “บิ๊กโจ๊ก” หลังหายตัวปริศนานาน 6 วัน เชื่อยังมีชีวิตอยู่

โดย onjira_n

10 ก.ค. 2566

465 views

จากกรณี การหายตัวไปอย่างปริศนาของนายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค อายุ 62 ปี นักธุรกิจ ด้านอสังหาริมทรัพย์ ชาวเยอรมัน ก่อนที่เมื่อวานนี้ชาวบ้านได้แจ้งตำรวจว่า พบรถเบนซ์ คูเป้ E 350 สีบรอนซ์เทา ซึ่งเป็นรถเบนซ์คันของนายฮันส์ ปีเตอร์ ที่ขับออกมาพูดคุยกับนายหน้าขายที่ดินในวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 โดยรถเบนซ์คันดังกล่าว ถูกขับมาจอดทิ้งไว้บริเวณลานจอดรถชั่วคราว ที่คอนโดมิเนียม ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี





เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ ได้เข้ามาประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบ.ตร. จะเดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าคดีในภายหลัง



จากนั้นมูลนิธิวินวิน นำโดย น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน ได้พานางสาวแพท ภรรยาปัจจุบันของนายฮันส์ ปีเตอร์ , อดีตภรรยาของนายฮันส์ ปีเตอร์ , ลูกชายกับอดีตภรรยา 2 คน และเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเยอรมัน เข้ามารอพบกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



โดย น.ส.แพท กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนนัดกับสามี ว่าจะมีลูกค้าไปดูที่แห่งหนึ่งในพัทยาในช่วงเวลาบ่ายโมง แต่ก่อนหน้านั้นเขาขอไปเจอลูกค้าคนสำคัญก่อน จนกระทั่งพอเวลาผ่านไปล่วงเลยไปจนถึงบ่ายสองโมงแล้ว ตนจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหาสามีอีกครั้ง แต่ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้ และเปิดปิดเครื่องสลับอยู่ตลอด ก่อนจะมีข้อความส่งกลับมาหาเธอว่า “อยู่กับลูกค้านะ เดี๋ยวโทรกลับ” แต่ที่ผ่านมายืนยันว่า สามีไม่เคยส่งข้อความมาหาในลักษณะแบบนี้ ตนจึงรออีกสักพัก



สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ และทุกคนเองก็พยายามโทรหาอยู่เรื่อยๆ ก็โทรติดบ้าง ไม่ติดบ้าง จนช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ก็มีข้อความส่งมาอีกว่า “วันนี้ฉันจะอยู่กับลูกค้านะ คนนี้สำคัญมาก ฉันต้องดีลกับเขา เซ็นสัญญาให้เสร็จ”



ตนจึงพยายามโทรติดต่ออีกเรื่อยๆ จนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ยังติดต่อไม่ได้ จนมีข้อความสุดท้ายส่งมาอีกว่า “ฉันต้องอยู่กับลูกค้า และจะต้องไปกินข้าวกับลูกค้า” ก่อนที่หลังจากนั้น สามีก็ไม่ได้ส่งอะไรมาอีกเลย ส่วนเรื่องที่ดินในพัทยาที่มีการซื้อ-ขานกันของสามีนั้น มีการพูดคุยกันจริง แต่ในเรื่องที่ดินในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขายังไม่ได้มาคุยเรื่องนี้เลย เพราะไม่ได้มีแผนจะขาย



“ ตอนนี้ ยอมรับว่า เราคิดว่ากลุ่มคนที่อุ้มสามีไป น่าจะรู้จักสามี แต่ในเรื่องธุรกิจคาดว่ารู้แค่บางส่วนเท่านั้น และเชื่อว่าสามีโดนจับตัวไปแน่ๆ เพราะสามีไม่เคยผิดนัด และเป็นคนตรงเวลาตลอด ทุกครั้งจะเป็นคนมาก่อนเวลา หรือถ้าหากมีปัญหาจริงๆ จะโทรมาบอกก่อน จะไม่ชอบให้ครอบครัวเป็นห่วง โดยทางครอบครัว ไม่ทราบเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามี หรือว่าใครทำอะไรเขา เพราะเขาไม่เคยมีปัญหากับใคร และส่วนตัวก็ไม่เคนเห็นคนที่ชื่อโอราฟ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินที่พบว่าผิดปกตินั้น ยังไม่ทราบ และตอนนี้ยังขอไม่ลงรายละเอียด ส่วนเรื่องสงสัยใครหรือไม่นั้น ตอนนี้สงสัยคนในวิดิโอกล้องวงจรปิดคนที่อยู่กับสามีเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ไม่ได้ไปกล่าวหาเขา “



นอกจากนี้ ตนยืนยันว่า ไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับนายหน้าขายที่ดินเลย รวมถึงเรื่องคดีค้ามนุษย์เมื่อปี 2561 นั้น เข้าใจผิดแล้วตอนนี้ครอบครัวไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย และอยากให้ทุกคนโฟกัสเรื่องการหาสามีก่อน พร้อมอยากบอกไปถึงคนที่อุ้มสามีไปว่า “ต้องการอะไรให้มาบอก ช่วยเอาสามีกลับมาเถอะ ทุกคนเป็นห่วงมาก เรารอกันอยู่ และจะหาเขาให้เจอ” โดยตอนนี้ทางครอบครัวยังหวังว่าสามียังมีชีวิตอยู่ และน่าจะอยู่ในปีะเทศไทย ทุกคนจะช่วยเขากลับบ้าน



ส่วนเบาะแสล่าสุดก็คือเรื่องการพบรถ แต่ในส่วนข้อมูลที่พบสามีในพื้นที่สระแก้ว ยืนยันว่า ไม่ใช่สามี เป็นแค่คนหน้าคล้าย



ด้านลูกชาย ของนายฮันส์ ปีเตอร์ กล่าวว่า ตอนนี้อยากเจอพ่อเร็วๆ เพราะผ่านมา 6 วันแล้ว ทุกคนเป็นห่วง ส่วนเมื่อวานนี้ได้เจอกลุ่มของโอราฟ และได้ฟังการสอบปากคำบางส่วน แต่ขอไม่ลงรายละเอียด



ผู้สื่อข่าว ติดต่อไปยังนายหน้าขายที่ดินที่ได้เจอนายฮันส์ ปีเตอร์ เป็นคนสุดท้าย บอกว่า ไม่ขอให้สัมภาษณ์ และให้เพียงข้อมูลว่า วันที่นัดไปนั่งดื่มกาแฟกับนายฮันส์ ปีเตอร์ ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งนั้น เป็นการนัดกัน เพื่อพูดคุยกันเรื่องการซื้อ-ขายค่ายมวยเท่านั้น แต่ในส่วนหลังจากนั้น ก็ไม่ทราบจริงๆ ว่า ตัวของนายฮันส์ ปีเตอร์ ขับรถตามมา เพราะไม่ได้มองกระจกหลังเลย



ทั้งนี้ มีรายงานว่าข้อมูลจากชุดสืบสวนว่า หลังจากนำตัวชาวเยอรมัน 3 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้ว ที่ สภ.หนองปรือ เมื่อคืนนี้ เบื้องต้นทั้ง 3 คน ไม่ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์เลย แต่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของผู้สูญหายนั้น ปรากฎว่า เงินถูกโอนออกจากบัญชีตัวเองหลายครั้ง ยอดมากกว่า 2 ล้านบาท ส่วนคนที่เป็นคนโอน พบไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เนื่องจากจากการตรวจสอบพิกัดข้อมูล พบอยู่ที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา










คุณอาจสนใจ