สังคม

ผอ.โรงพยาบาลแจงปมพ่อแม่ร้อง ลูกวัย 1 เดือนกว่า ท้องเสีย เท้าดำช้ำสุดท้ายต้องตัดทิ้ง ยันพร้อมเยียวยา

โดย panisa_p

3 ก.ค. 2566

228 views

จากกรณีที่มีพ่อแม่ร้องขอความเป็นธรรม ลูกอายุ 1 เดือนกว่า ท้องเสีย เข้ารักษาที่โรงพยาบาล สุดท้ายถูกตัดเท้า ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ก.ค. 66 ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส นายแพทย์พรประสิทธิ์ จันทระ ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ น.ส.กฤตยา แดงสุวรรณ หน.พยาบาล และแพทย์หญิงนูเรีย พัฒนปรีชาวงศ์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านกุมารเวชกรรม ได้ร่วมชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


โดยนายแพทย์พรประสิทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า พ่อแม่เด็กพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 66 ด้วยอาการท้องเสียแต่ไม่ดีขึ้น จนวันที่ 24 มิ.ย. 66 ทางโรงพยาบาลจะส่งเด็กไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพราะเด็กเลือดเป็นกรด ต้องทำการเจาะเลือดแต่เด็กตัวเล็กมาก ไม่สามารถเจาะได้ เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีผู้เชี่ยวชาญ และได้ปรึกษากับพ่อแม่เด็กแต่พ่อแม่เด็กตัดสินใจจะส่งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ พ่อแม่ไม่ได้นำลูกเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แต่นำกลับมานอนพักที่บ้าน 1 คืน


และในวันที่ 26 มิ.ย. 66 พ่อแม่เด็กได้พาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่แจ้งไว้ แต่หมอไม่สามารถรักษาเด็กได้ เนื่องจากไม่สามารถเจาะเลือดเด็กได้เช่นกัน จึงได้ส่งตัวเด็กมารักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อีกครั้ง ถ้าไม่เจาะจะขาดน้ำและเสียชีวิตได้ จนวันที่ 27 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ส่งตัวเด็กไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลยะลา เพราะว่าเส้นเลือดดำใหญ่เริ่มตีบ เมื่อเจาะเสร็จทางโรงพยาบาลยะลา ได้ส่งเด็กกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ดังเดิม


และในวันที่ 29 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ปรึกษาพ่อแม่จะส่งตัวเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากเท้าเด็กเริ่มมีสีดำคล้ำ แต่พ่อแม่ตัดสินใจไม่ได้ ต้องเสียเวลาไป 1 วัน จนวันที่ 30 มิ.ย.66 พ่อแม่ตัดสินใจให้ส่งลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามคำแนะนำของหมอ เนื่องจากทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเส้นเลือดเฉพาะทาง จนแพทย์พบเด็กจึงแจ้งพ่อแม่จำเป็นต้องตัดเท้าด้านขวา เพื่อรักษาชีวิตเด็กไว้


ด้านนายแพทย์พรประสิทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในส่วนของเด็ก สุดท้ายก็ต้องมาดูแลต่อเรื่องการฟื้นฟู ทางโรงพยาบาลจะดูแลเต็มที่ ในส่วนของการเยียวยาก็เป็นไปตามขั้นตอนของสิทธิ์ทุกประการ ทางโรงพยาบาลเองเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเราก็จะทบทวนต้นตอ จุดอะไรที่เราจะปรับปรุงได้บ้างที่จะไม่ให้มีเกิดขึ้นอีก ซึ่งขั้นตอนนี้เราดำเนินการแล้วถึงแม้ว่าจะดีแล้วแต่จะทำให้สมบูรณ์กว่านี้ ส่วนแผนการระยะยาวเราจะสร้างแพทย์ผู้เชียวชาญให้ครบทุกๆ ด้าน


ด้าน น.ส.กฤตยา แดงสุวรรณ หน.พยาบาล กล่าวว่า พ่อแม่เด็กคงสงสัยว่าเด็กทำไมเจาะเลือดบ่อย อย่างที่ผู้อำนวยการเรียนให้ทราบว่า เด็กมีภาวะเลือดเป็นกรด ในการแก้เลือดเป็นกรด หมอต้องให้ยา และการคำนวณปริมาณยาซึ่งจะต้องสอดคล้องกับผลตรวจเลือด เด็กพวกนี้จะถูกเจาะเลือดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้หมอคำนวณยาให้ถูกต้อง ซึ่งทุกๆ ครั้งเราจะอธิบายคุณแม่แล้ว


ส่วนความคืบหน้าทางคดีที่โวยว่าไม่คืบหน้านั้น จากการเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.โสรจ ชนะพันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้รับการชี้แจงว่า ในเรื่องดังกล่าวนางอังคณา 61 ปี  ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของแม่เด็ก ได้เดินทางมาลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานแทนพ่อแม่เด็ก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 66 ร.ต.อ.โสรจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส กล่าว ตนได้ประสานไปยังพ่อแม่เด็กแล้ว แต่พ่อแม่ไม่สะดวกที่จะมาให้ปากคำ เพราะต้องดูแลอาการบุตรที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์


และตนได้ประสานไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อขอใบการชันสูตรโรคทั้ง 2 แห่ง และทางโรงพยาบาลได้ส่งมาให้เรียบร้อย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงสอบปากคำพ่อแม่เด็ก ที่กำลังเฝ้าลูกรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์อยู่ในขณะนี้ ก่อนที่จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง มาให้ปากคำ เพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ