สังคม

ทหารเกษียณกร่าง ตบ-ถีบสาวเชียร์เบียร์นครสวรรค์ อ้างถูกจับหนอนน้อยก่อน ลั่นถ้าเอากูไม่ลง กูจะตามเก็บ

โดย nattachat_c

26 มิ.ย. 2566

875 views

วานนี้ (25 มิ.ย. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sangrung Ratchakit โพสต์คลิปวิดีโอ ขอความช่วยเหลือ หลังลูกสาวที่ทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์ ถูกชายอายุประมาณ 60-65 ปี ที่มาดื่มกิน ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ตำบลปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ทำร้ายร่างกาย ทั้งตบหน้า และถีบซ้ำ จนได้รับบาดเจ็บ ระบุข้อความว่า


คลิปนี้ เป็นเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 มิ.ย.66 โหนกระแส #กันจอมพลัง ซอยวัชระค่ะ ขออนุญาตไม่แจ้งชื่อร้านนะคะ


...ลูกสาวของเรา ทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์ ที่หัวหน้างานมีการจับลงตามร้านต่างๆ ทุกครั้งที่ทำงานก็ทำเป็นปกติทั่วไป ที่เด็กสาวเชียร์เบียร์ทำน่ะค่ะ งานที่ไหนถ้าไม่ไกลมากจนพ่อแม่เป็นห่วง เขาก็จะรับหมดทุกงาน


แต่ในคลิปนี้ ลูกค้าอ้างว่าลูกสาวไปจับอวัยวะเพศของเขา แล้วเหตุการณ์ก็ตามคลิปเลย มีการข่มขู่ว่า "เป็นคนใหญ่คนโต ถ้ามึงไปแจ้งความ มึงต้องเอากูให้ลง ถ้าเอากูไม่ลง กูจะกลับมาเก็บมึง"


ตอนนี้ แจ้งความไว้ที่กองใต้ แล้วตรวจร่างกายเรียบร้อย แล้วตำรวจแจ้งว่า ให้หาหลักฐานมาเอง


#นั่นลูกกูไม่ใช่ลูกมึง #มึงไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรลูกกู #และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โพสต์นี้เพื่อเป็นประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง #หวังอีกครั้งว่าจะมีคนใดสักคนเข้ามาช่วยเหลือนะคะ


จนเป็นกระแส สร้างความไม่พอใจ และรับไม่ได้ที่ผู้ชายใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง


โดยคลิปจากกล้องวงจรปิด เผยภาพขณะที่หญิงสาว (ผู้เสียหาย) นั่งอยู่กับผู้ก่อเหตุ และได้มีการหยอกล้อกัน จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ตบเข้าไปที่หน้าของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงแยกตัวออกมา เมื่อผู้เสียหายเว้นระยะออกมา ผู้ก่อเหตุได้กระโดดถีบผู้เสียหาย จนล้มลงไปกองที่พื้น ก่อนที่คลิปจะตัดไป

-------------

ล่าสุด ช่วงค่ำ วานนี้ (25 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางบ้านของเจ้าของโพสต์ ชื่อว่า นางสาวแสงรุ้ง ราชกิจ อายุ 43 ปี ในพื้นที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยอยู่กับลูกสาวชื่อว่า นางสาวสุสิตา ราชกิจ อายุ 21 ปี สาวเชียร์เบียร์ที่ถูกทำร้ายร่างกาย


เธอยืนยันว่า ลูกค้าคนนี้เคยเห็นหน้า ซึ่งนานมากแล้ว ในคืนวันเกิดเหตุ ชายคนดังกล่าวอ้างว่า ตนไปจับอวัยวะเพศของเขา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ตอนนั้นยอมรับว่า ในระหว่างที่พูดคุยกัน ต่างคนต่างเมากันทั้งคู่ และมีการพูดจาหยอกล้อกัน แล้วตนก็เอื้อมมือไปจับพุงบีบของเขา ตามประสาคนรู้จักกันก็แค่นั้น ซึ่งก็มีเพื่อนสาวที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ยืนยันได้ว่า เห็นตนเอาไปไปจับบีบพุงของเขาจริงๆ แต่ดันกลายเป็นว่าเขาโมโห ง้างมือมาตบที่ปากตนอย่างแรง จนปากแตกเลย แล้วหายังหาว่าตนไปจับหนอนน้อยเขาอีก จึงทำให้ตอนนั้น ตนรู้สึกอายมาก แต่ก็เอามือไปจับข้อมือเขาไว้เพื่อป้องกันตัว แล้วก็ถามเขาว่า ต้องตบกันเลยหรอ จากนั้น กลุ่มเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันกับเขา ก็ช่วยดึงห้ามปรามก่อนที่ตนจะลุกออกจากโต๊ะ ไปนั่นกับลูกค้าที่โต๊ะอื่น


ตอนนั้น หน้าหนูทั้งมึนทั้งชาไปหมดเลย แถมปากยังแตก ตอนนั้นก็โมโหถึงขั้นเกือบขีดสุด จะหยิบขวดที่อยู่บนโต๊ะลุกไปตีคืนให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย แต่ก็ยังมีสติ ข่มใจไว้ได้ ว่าอย่าดีกว่า แล้วก็ตัดใจลุกจากโต๊ะไปทันที แล้วหลังจากเลิกงาน หนูก็ให้เพื่อนๆ ภายในร้านนำหลักฐานกล้องวงจรปิดตอนที่เกิดเหตุการณ์เอาไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อจะให้ดำเนินคดีกับลูกค้ารายนี้ให้ถึงที่สุด


แต่ปรากฏว่า ตำรวจกลับให้หนูไปหาหลักฐานมาเพิ่มว่า ลูกค้ารายนี้ เป็นใครอยู่ที่ไหน ซึ่งก็พาหนูมึน มืดแปดด้านเข้าไปอีก เพราะถึงแม้จะเคยรู้จักพูดคุยกับลูกค้ารายนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน เพราะที่ผ่านมา ก็มักจะเจอเขาแค่ตามร้านอาหารต่างๆ ที่หนูไปทำงาน แต่พอหลังเลิกงาน ก็ไม่เคยมีเบอร์พูดคุยติดต่อกันเลย ก็ประมาณว่า หนูมาทำงาน แล้วเขาก็มาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน คอยช่วยอุดหนุนสินค้าหนูๆ หนูก็คอยเอ็นเตอร์เทรนเอาใจเพื่อสร้างความสนุกให้กับกลุ่มของเขาที่ช่วยอุดหนุนหนู ก็แค่นั้น


ด้าน นางสาวแสงรุ้ง ราชกิจ อายุ 43 ปี ผู้เป็นแม่ บอกว่า

ลูกสาวโทรมาหาตอนประมาณเที่ยงคืนว่า ถูกลูกค้าทำร้ายร่างกาย ยืนยันว่า จะเอาเรื่องอย่างแน่นอน ตอนนี้ อยากเจอตัวคนที่ทำร้ายลูกสาว แต่ก็กังวลในความปลอดภัยของครอบครัว เพราะในที่สาธารณะยังกล้าทำรุนแรง หากลับตาคนจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้


น.ส.สุสิตา ยอมรับว่า ตอนนั้นกลัวลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวคู่กรณีจะมาเอาเรื่องทำร้ายลูกสาวอีก จึงได้นำคลิปกล้องวงจรปิด พร้อมกับบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามที่ลูกสาวเล่า เอาไปโพสต์ไว้ในเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ เพื่อต้องการให้สังคมรับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หากลูกสาวเกิดเป็นอะไรไปอีก อย่างน้อยก็มีคนในโซเชียลที่สนใจ คอยเป็นแรงผลักดันในการช่วยลูกสาวได้


ซึ่งตอนที่รู้ว่าลูกโดนลูกค้าทำร้าย ก็รู้สึกโมโหแทนเลยนะ อยากจะเจอมือตบมาก แต่ตอนนี้ ตนรู้สึกถึงห่วงความปลอดภัยในตัวลูกมากกว่า และที่นำเรื่องราวไปโพสต์ ก็หวังต้องการที่จะใครสักคนที่กล้าชนกล้าต่อกรมาช่วย ในการเอาผิดคู่กรณี ที่เขาประกาศศักดิ์ดาว่าข้านี่ยิ่งใหญ่หนักหนา เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาว

-------------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่พูดคุยสอบถามกับ น.ส.สุสิตา ปรากฏว่า มีเสียงโทรศัพท์เขาเจ้าตัวดังขึ้นมา น.ส.สุสิตา จึงรับสาย ก็ทราบว่า เสียงปลายสายเป็นตำรวจเจ้าของคดี โทรศัพท์มาหา เพื่อนัดให้เจ้าตัวไปที่เกิดเหตุ ในการตรวจสอบหาพยานหลักฐาน


แต่ในระหว่างการพูดคุย ทางตำรวจได้มีการสอบถามกรณีที่มีการนำข้อความไปโพสต์บนเฟซบุ๊ก ให้ไปหาหลักฐานเอาเองนั้น มันไม่เป็นความจริงตามข้อความ พร้อมยืนยันว่า เขาบอกว่าให้ น.ส.สุสิตา ไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวน ในการเตรียมเอาผิดกับคู่กรณีได้เลย ซึ่ง น.ส.สุสิตา ก็ทำหน้าแบบงุนงง แต่ก็ตอบกลับไปว่าคะ คะ คะ ตลอดจนวางสาย

-------------.

โดยช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ที่ผ่านมา ทางตำรวจ สภ.นครสวรรค์ ได้เรียกนางสาวสุสิตาไปสอบปากคำเพิ่มเติม และพาไปดูจุดเกิดเหตุ ณ ร้านอาหารดังกล่าว พร้อมกับสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจไล่กล้องวงจรปิด จนพอทราบแล้วว่าเป็นบุคคลใด ซึ่งจะเรียกมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ทั้งนี้ ในส่วนของตำรวจ มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่พอจะทราบคู่กรณีที่ก่อเหตุตบ น.ส.สุสิตา จนปากแตกแล้ว เบื้องต้น ทราบว่า คู่กรณีเป็นอดีตทหารที่เกษียณอายุราชการ วัย 63 ปี ซึ่งตอนนี้ กำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ในการเอาผิดคู่กรณีของ น.ส.สุสิตา ต่อไป

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/IoHUjPDqlz8


คุณอาจสนใจ

Related News