สังคม

เด็ก 3 คน อาการยังหนัก เหตุมินิคูเปอร์ชนรถรับส่ง นร. แม่เด็กวอนคนขับรับผิดชอบ เผยบางคนยังหวาดผวา

โดย weerawit_c

25 มิ.ย. 2566

206 views

กรณีการเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งมินิคูเปอร์ สีเทา ชนเข้ากับรถเก๋งเปอร์เช่ สีเทา แล้วรถเก๋งมินิคูเปอร์ หมุนไปชนรถรับส่งนักเรียนจนพลิกคว่ำบนถนน 304 มุ่งหน้าอำเภอพนมสารคาม ช่วงบริเวณใกล้เคียงปั๊มน้ำมัน ปตท.บางไผ่ ม.10 ต.บางไผ่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ต้องเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บทั้งหมด 14 ราย ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดดอนทองและโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ 2 ไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร


ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร พบว่ายังมีเด็กหลงเหลือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้ นอนพักรักษาตัวอีก 3 คนประกอบด้วย ด.ช.ชาญานน วงษ์ภักดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนวัดดอนทอง ด.ช.ปฐมพร แก้วประเสริฐ อายุ 14 ปี และ ด.ช.ธิติพงษ์ วงค์แปลก อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์ 2


ด.ช.ชาญานน หรือน้องพีท ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเองปวดหัวไหล่ มีบาดแผลถลอกบริเวณหัวไหล่และแผ่นหลัง มีอาการปวดหัว และผลเอกซเรย์คุณหมอแจ้งว่า มีเลือดออกบริเวณต้นคอ ขณะนี้ยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ โดยขณะเกิดเหตุตนเองกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ จู่ๆ เห็นรถเก๋งล้อฟรีมีควันขึ้น ก่อนจะพุ่งชนด้านขวารถที่ตนนั่ง ก่อนรถจะหมุนพลิกตะแคงข้าง ทำให้น้องๆ ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง หล่นมาทับตน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและภาพตนเองก็ตัดไป เมื่อตั้งสติได้จึงรีบออกมานอกรถ ขอความช่วยเหลือ ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


นางนวลพันธ์ แฉ่งเจริญ อายุ 49 ปี ย่าของด.ช.ชาญานน ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า หลานสาวอีกคนที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน เมื่อเช้าได้บอกกับตนว่า ไม่อยากไปโรงเรียนในเมืองแล้ว อยากเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ให้เดินไปหนูก็ยอม หนูกลัวหนูกลัวมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กวัย 9 ขวบได้สื่อสารออกมาถึงความกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า อยากให้ผู้ขับขี่ทั้งสองคันได้ยินความบริสุทธิ์ของเด็กเหล่านี้พูด อยากให้คิด คิดนิดนึงก่อนจะทำอะไรลงไป เพียงเพราะความประมาท ตอนแรกพอได้ยินข่าวตนเองถึงกับช็อค


ซึ่งแม่ของตนเองวัย 83 เป็นทวดของน้องพีท เห็นเย็นแล้วหลานยังไม่กลับบ้าน ก็รู้สึกกังวลใจ เลยบอกไปว่าน้องพีทไม่เป็นอะไรมากเพื่อใหทวดได้สบายใจ ตนเองอยากจะเรียกร้องให้ผู้ขับขี่รถทั้ง สองคัน ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ตนเองไม่รู้ว่ามีอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า แต่พวกคุณขับรถบนถนนด้วยความเร็วและความประมาท ทำให้เด็ก 14 คน ต้องประสบอุบุติเหตุ เด็กๆเหล่านี้ เช้าวันเสาร์ได้พักผ่อนออกไปวิ่งเล่น กลับต้องมานอนพักรักษาตัวแบบนี้ เพราะความผิดพลาดของคนขับรถสองคันนี้ ซึ่งเด็กๆทั้ง 14 คนจะต้องหวาดกลัว หวาดระแวงกับเหตุการณ์ครั้งนี้


น.ส.สุภาพร แก้วประเสริฐ อายุ 49 ปี แม่ของด.ช.ปฐมพร ที่ได้รับบาดเจ็บหัวแตก เปิดเผยว่า ตนเองได้รับแจ้งลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตนเองถามว่าลูกเจ็บเยอะไหม ปลายสายบอกว่าเจ็บ 14 คน ส่วนลูกตนเองหัวแตก คนเดียวในรถ ให้ตนเองรีบไปโรงพยาบาล เมื่อได้ยินแบบนั้นตนเองทิ้งข้าวของทุกอย่าง รีบไปหาลูกชายที่โรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงแล้วยังไม่พบหน้าลูกเพราะยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน


ตนเองรู้สึกกลัวเพราะยังไม่เห็นหน้าลูกและมารู้ว่าลูกต้องนอนโรงพยาบาล เด็กคนอื่นๆ ที่เจ็บเล็กน้อย เมี่อทำแผลเสร็จก็ทยอยกันกลับบ้าน พอตนเองได้เห็นหน้าลูกชายน้ำตาก็ไหลแล้วเข้าไปกอด เข้าไปถามว่าหนูเจ็บไหมลูก ลูกชายตอบกลับมาว่า โคตรเจ็บเลยแม่ ตนเองอยากเรียกร้องให้เขามีจิตสำนึก ที่ชนเด็กๆ ทั้งนั้นเลย คนชนจะมีความรับผิดชอบอะไรบ้าง ถ้าเด็กๆ เหล่านั้น เป็นลูกคุณ หลานคุณ ในครอบครัวคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร


น.ส.พรพิมล เมฆสุวรรณ อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ช.ธิติพงษ์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ลูกของตนกระดูกร้าวบริเวณลำคอ ไม่สามารถขยับเขยื่อนคอได้ ต้องใส่แพมเพิสในการขับถ่าย เพราะหมอไม่อยากให้ขยับตัวมาก ตอนเกิดเหตุแม่ทำงานอยู่ในโรงงาน ได้ยินเสียงโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกประสบอุบัติเหตุนึกว่าเป็นรถจักรยานยนต์คว่ำ แต่ยายของลูกชายบอกว่า เป็นรถรับส่งนักเรียนคว่ำ ด้วยความตกใจจึงขออนุญาตลาหัวหน้างานออกมาหาลูกชาย พอตนเองเห็นหน้าลูกใส่ที่บล็อกคอก็รู้สึกตื้อๆ น้ำตาไหล ถามลูกว่าเจ็บไหม เป็นยังไงบ้าง ลูกชายของตนก็ร้องไห้ออกมาบอกว่าเจ็บ


ตนเองอยากจะเรียกร้องให้คนขับทั้งสองออกมารับผิดชอบ จิตสำนึกบนท้องถนน คนที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเด็กๆ หากครอบครัวของพวกคุณโดยบ้างจะรู้สึกอย่างไร ให้ออกมารับผิดชอบ ซึ่งตัวลูกชายเองก็มาบ่นกับตนเองเมื่อเช้า ว่าโทรศัพท์ที่ใช้เรียนภายในมีการบ้านอยู่ในนั้นหลายวิชา พังแตกกระจายเสียหายหมดเลย ลูกรู้ว่าครอบครัวเราไม่รวยเหมือนคนอื่น แต่ตนเองก็บอกลูกให้สบายใจว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จัดการซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้ ลูกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ตนเองมาดูคลิปย้อนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกใจหาย แล้วก็เห็นลูกตนเองกำลังวิ่งออกมา ได้แต่คิดว่าเขาขับรถอะไรกันขนาดนี้ และบางคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลก็เห็นว่าเขาแข่งกันมา


ต่อมา นายกฤษตเมธ คนขับรถมินิคูเปอร์ ได้เดินทางพบผู้ปกครองนักเรียนและน้องๆ เพื่อมาเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันยังได้มอบเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง เพื่อใช้ในการนำน้องๆ ไปพบแพทย์ และเป็นค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองนักเรียน แต่หากการรักษาพยาบาลเพื่อดูแลน้องๆ ยังมีผลระยะยาว ก็พร้อมดูแลจนกว่าจะหายเป็นปกติ โดยเงินที่นำมาให้ไม่ใช่เงินเยียวยาในคดีความที่จะตกลงกันหลังจากนี้ที่สถานีตำรวจ แต่เป็นเพียงเงินสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ปกครองไว้ใช้จ่ายเบื้องต้น ก่อนหน้าที่นายกฤษตเมธก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลพุทธโสธร เพื่อมอบกระเช้าและเงินให้กับผู้ปกครองของน้องๆ ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 3 ราย


นายกฤษตเมธ กล่าวว่า ขอโทษสังคมในสิ่งที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักหรือต้องการจะแข่งขันกับรถปอร์เช่คันนั้นเลย แต่เขาเป็นคนที่ขับรถเร็วอยู่แล้ว และวันนั้นก็รีบจะไปทำธุระที่จังหวัดปราจีนบุรี ที่เบี่ยงซ้ายออกจากเลนหลัก ก็เพื่อจะเข้าปั๊มน้ำมัน โดยไม่คิดว่าจะมีรถปอร์เช่วิ่งมาเลนซ้ายสุดด้วยความเร็ว ทำให้เขามองไม่เห็น เพราะช่วงนั้นมีรถพ่วง 18 ล้อ วิ่งอยู่เลนซ้ายจนบดบังสายตา ทำให้เฉี่ยวชนกันก่อนจะเสียหลักไปชนรถรับ-ส่งนักเรียน ซึ่งรถมินิคูเปอร์เพิ่งหมดประกันไปพอดี ส่วนจะต้องชดใช้ค่าเสียหายกับใครบ้างนั้น ก็ปล่อยให้ทางกฎหมายว่าไปตามนั้น



รับชมทางยูทูปที่ : https://youtu.be/GnKx-78nxdU

คุณอาจสนใจ

Related News