สังคม

ญาติ ‘น้องเบนซ์’ ร่ำไห้ ไม่ติดใจเหตุระเบิด แต่เสียใจน้องไม่ได้ทำตามฝัน - ป้าเผย หลานเตรียมบวชหลังเรียนจบ

โดย petchpawee_k

24 มิ.ย. 2566

109 views

สุดเศร้า คุณลุง-พี่สาว นร.วัย 18 เหยื่อถังดับเพลิงระเบิด เปิดใจเล่า น้องดีใจ มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก หวังเห็น “พิธา” เป็นนายกฯ - เรียนเก่ง ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีความฝันเป็นนักวิทยาศาสตร์ อยากบวชให้ป้า แต่สุดท้ายเสียชีวิตลง - แม้ครอบครับไม่เอาเรื่อง จนท. แต่คาใจถังดับเพลิงได้มาตรฐานหรือไม่ พร้อมฝากถาม กทม.จะรับผิดชอบอย่างไร


จากกรณีถังดับเพลิงระเบิด ระหว่างซ้อมดับเพลิง ในโรงเรียนย่านดุสิต แยกพาณิชย์ทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้มีนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย โดยผู้เสียชีวิตคือ นายขุมทอง เปรมมณี หรือน้องเบนซ์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม. 6/7 รร.ราชวินิช


ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณลุงพิรุณ เปรมมณี หรือคุณลุงตั้ม อายุ 60 ปี มีศักดิ์เป็นลุงของน้องเบนซ์ และนางสาวสรัญชลี เปรมมณี  หรือพี่น้ำตาล อายุ 38 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง


โดยคุณลุงพิรุณ เล่าว่า ตนกับแฟนขายของอยู่ฝั่งตรงข้าม รร. ห่างไปเพียง 150 เมตร แล้วได้ยินเสียงคล้ายตู้ไฟระเบิด แต่เสียงดังมาก ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ก็เลยกลับบ้านไป แล้วเปิดโทรทัศน์ดู ปรากฏว่าข่าวออกว่า มีเหตุการณ์ถังแก๊สระเบิดและมีนักเรียน ม.6 เสียชีวิต ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร แต่พอดูข่าวต่อไปประมาณ 5 นาที  มีคนตะโกนมาบอกว่า


“ตั้มๆ คนที่ตายหลานตั้มว่ะ ชื่อเบนซ์ใช่ไหม” จากนั้น ตนเลยเปลี่ยนเสื้อผ้ามาที่โรงเรียน พอเข้ามาแบบมือไม้สั่น ทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญตนเข้าไปใน แล้วได้ถามกับครูว่าคนที่เสียชีวิตใช่หลานของตนหรือไม่ ปรากฏก็ได้รับทราบว่าเป็นหลานของตนจริงๆ ตอนนั้นพูดอะไรไม่ออกได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว สะเทือนใจมาก เพราะว่าหลานเพิ่งอายุเพียง 18 ปี เพิ่งไปเลือกตั้งมาครั้งแรก และดีใจมากที่ได้มีสิทธิ์ไปเลือกตั้ง  ซึ่งหลานเลือกพรรคก้าวไกล และอยากเห็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นหน้าพิธาเป็นนายกฯ ตอนมา รร. ก็มักจะพกแก้วน้ำที่มีโลโก้พรรคก้าวไกลมาด้วย


คุณลุงพิรุณ ยังกล่าวว่า ตนได้เข้าไปคุยกับตำรวจ ซึ่งตำรวจบอกว่าจะให้ทางพ่อและแม่ของเด็ก หรือทางครอบครัวเอาเรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ต้นและทางครอบครัวคุยกันแล้วว่าจะไม่เอาเรื่อง เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การจงใจแต่เป็นอุบัติเหตุ แต่ที่ตนติดใจคือเรื่องของถังดับเพลิงที่ระเบิดออกมา ที่นำมาให้เด็กซ้อมดับเพลิง ไม่ได้คุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน


ซึ่งประเด็นนี้ในส่วนของพี่สาว คือคุณน้ำตาล กล่าวเสริม พร้อมกับน้ำตาคลอตชอดเวลา ติดใจ ในประเด็นนี้เช่นเดียวกัน ว่าถามได้มาตรฐานหรือไม่ หรือว่าถังเก่า ถูกระเบิดแล้วพุ่งมาทำให้น้องชายของตนเสียชีวิต


ขณะเดียวกันคุณน้ำตาล ยังกล่าวถึงลักษณะนิสัยของน้องชายด้วยว่า น้องชายเป็นคนที่เรียนเก่ง ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนเรียบร้อย เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งน้องชายของตนชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งน้องมีความฝันว่าโตไปอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่น้องก็ได้จากไปก่อน ซึ่งน้องกำลังจะเรียนจบอยู่แล้ว ส่งผลให้อนาคตของน้องดับวูบไปเลย และอีกสิ่งที่น้องเบนซ์อยากทำคือ อยากจะบวชให้คุณป้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีโอกาสจะบวชให้คุณป้าแล้ว


คุณน้ำตาล ยังกล่าวว่า สำหรับตัวน้องเบนซ์ อาศัยอยู่กับพี่ชาย 2 คน ซึ่งคุณป้าได้ซื้อแฟลตให้อยู่ ส่วนพ่อแม่ของน้องแยกทางกันได้หลายปีแล้ว แต่ว่า ครบอครับของตนและตัวน้องเบนซ์นั้น ติดต่อพูดคุยและไปมาหาสู่กันตลอด


ช่วงท้ายคุณลุงพิรุณ และคุณน้ำตาล ฝากถึงหลานชายและน้องชายว่า ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ก่อนจะย้ำประเด็นที่ติดจากอีกครั้งว่า ติดใจเรื่องถังใบนั้นระเบิดขึ้นได้อย่างไร ได้มาตรฐานหรือไม่ และตอนที่ไปเติม เติมอะไรลงถังเพราะตนไม่เห็นว่ามีสารเคมีสีขาวสำหรับดับเพลิงเลย และสารนั้นเป็นสารอะไรกันแน่


สำหรับการช่วยเหลือทาง รร.จะช่วยเหลือทุกอย่างในส่วนของค่าใช่จ่ายที่ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนอีกเรื่องที่อยากรู้คือว่า กทม.จะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ซึ่งช่วงท้ายคุณน้ำตาล ได้ย้ำว่า อยากให้น้องชาย ได้รับความเป็นธรรม น้องชายต้องไม่ตายฟรี


ขณะที่ นางแพรเมือง อายุ 61 ปี ป้าที่เลี้ยงดูน้องเบนซ์ตั้งแต่เด็ก เปิดเผยว่า หลังจากได้เข้าไปพูดคุยกับทางโรงเรียนด้านใน ก็ไม่มีอะไรมากและยอมรับว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ ยืนยันไม่ได้ติดใจเอาความใคร ไม่เป็นความผิดของใคร เนื่องจากเหตุการณ์แบบนี้ “ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”  ส่วนตัวก็คิดว่าหลานคงจะมาได้แค่นี้ พร้อมยอมรับว่า หลานเคยบอกไว้ว่าจะบวชให้ แต่ยังบวชไม่ได้ เพราะยังเรียนไม่จบ


ส่วนน้องเบนซ์เป็นเด็กดีและเรียบร้อยมาก ตั้งใจอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์มาก และชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งน้องเบนซ์เองก็มีความฝันอยากจะสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์ สาขาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนก็บอกว่าถ้าสอบเข้าจุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์ได้ก็จะให้เงิน 100,000 บาท


ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิต ระบุเพียงสั้นๆ ว่า ยังช็อกและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ส่วนตัวไม่ได้ติดใจกับสาเหตุในวันนี้ พร้อมบอกว่า ลูกชายเป็นเด็กดี  เรียนเก่ง เป็นเด็กดี ไม่เกเร ตนภูมิใจในตัวลูกชายมาก  โดยยอมรับเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับลูกว่าวานนี้ “แม่จะทำไข่พะโล้ให้กินที่บ้านแม่” แต่สุดท้ายลูกชายก็จากไปอย่างกะทันหัน  

----------------------------

โลกออนไลน์ แห่ชื่นชม 'น้องเบนซ์ ' เหยื่อถังดับเพลิงระเบิด เปิดเพจสอนวิธีการออมเงิน

ขณะที่ในโลกออนไลน์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้องเบนซ์  ผู้เสียชีวิต  ได้ทำเพจสอนให้รู้วิธีการออมเงิน ชื่อ “วางแผนเรื่องเงินๆ” ได้โพสต์ข้อความล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น.ของวันที่ 10 มิถุนายน 2566


ระบุว่า “สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ตามที่ผมได้ให้สัญญาไว้บทความในครั้งนี้จะเกี่ยวกับ “การบริหารเงินของตัวผม” ซึ่งประสบการณ์ของผมนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจวบจนปัจจุบันครับ ผมจะขอเล่าย้อนไปในช่วงวัยเด็ก สมัยนั้นเด็กๆทุกคนถูกพร่ำสอนการจัดการเงินด้วยวิธีง่ายๆ นั่นคือรายได้-รายจ่าย=เงินออม ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ได้ครับ


แต่หากเราใช้เงินที่ได้มานั้นหมดล่ะ แล้วเงินออมของเราจะเพิ่มพูนขึ้นจากเดิมได้อย่างไรและหากเด็กๆเหล่านั้นมีของที่อยากได้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็น ของเล่น ขนมหลายห่อ หรือแม้กระทั่งการใช้เงินไปกับความพอใจต่างๆ และวัยเด็กของผมนั้นก็ใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับสิ่งที่กล่าวมา ซึ่งทำให้ผมในบางวันในแต่ละเดือนไม่มีเงินที่จะนำมาใช้ซื้ออาหาร



ตรงจุดนี้แหละครับทำให้ผมตระหนักเรื่องเงินออมหรือโดยส่วนตัวผมเรียกมันว่า “เงินกันตาย” เงินที่ผมจะเก็บออมนั้นจะเป็นเงินที่ใช้ยามฉุกเฉินซะส่วนใหญ่ในช่วงนั้นแต่ผมก็มีเก็บเพื่อที่อยากจะเห็นตัวเงินมีเยอะขึ้นจนพอใจ ในวัยเด็กผมบริหารเงินโดยถือคติว่า “เงินที่เสียไปจะไม่เป็นไรหากเราได้เงินมามากกว่า” หมายความว่า หากผมใช้เงินไป 50 บาท และผมได้เงินเพิ่ม 100 บาท = ผมไม่เสียเงิน


ใช่ครับมันเป็นวิธีคิดที่ไม่น่าดูชมเลยล่ะครับและจุดเปลี่ยนมาถึง เมื่อผมอายุ 11-13 ปี ผมตระหนักได้มากขึ้นและผมมีความตั้งใจที่จะออมเงินให้ได้ 10,000 บาท ในตอนที่จบป.6 …. ใช่ครับ ผมสำเร็จในการเก็บเงินตามเป้าจากความตั้งใจและมุ่งมั่นมากพอ และหลังจากนั้นผมก็ได้เข้าสู่โลก “การเงินและการลงทุน”


 ในช่วงแรกเมื่อผมได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเงินในแบบต่างๆซึ่งเป็นความเข้าใจหลักพื้นฐานทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวผมในวัยเด็กเคยคิดเรื่องการจัดการเงินนั้นมีทั้ง ถูกและควรปรับปรุง หลังจากที่ผมมีความรู้ในเรื่องการจัดการเงิน บริหารเงิน ผมไม่รอช้าได้นำวิธีต่างๆมาปรับใช้เรื่อยมา ลองวิธีการต่างๆที่คิดว่าดี


จนกระทั่งผมค้นพบวิธีที่เรียกว่า “ไห 6 ใบ” ซึ่งวิธีเหล่านี้แบ่งได้หลายแบบใครต้องการไหกี่ใบในการจัดการเงินโดยขั้นต่ำแล้วจะมีไห 4 ใบ “ไห 6 ใบ” หมายถึง การแบ่งเงินก้อนหรือรายได้ของเราออกเป็น 6 ส่วน ดังนี้ 1.ใช้ประจำวัน  2.ออมเงิน 3.ลงทุน 4.การศึกษา 5.บริจาค และสุดท้าย 6.ใช้ตามใจ 


 แต่ผมนั้นเปลี่ยนจากการบริจาคเป็นสุขภาพ โดยการจัดเงินแบบนี้ทำให้ผมนั้นเห็นตัวเงินได้ละเอียดยิ่งขึ้นว่าเรามีเงินแต่ละส่วนอยู่เท่าไหร่ ซึ่งจะต่างจากการใช้เงินเป็นก้อนเดียวกันเลยซึ่งจะทำให้เราไม่รู้ว่ามีเงินในส่วนต่างๆที่สามารถใช้ได้อยู่เท่าไหร่ หลักการ “ไห 6 ใบ” ได้ทำให้ผมจัดการและบริหารเงินที่ได้ต่อเดือนได้เป็นอย่างดี


 หลังจากที่มีผู้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ น้องเบนซ์ ได้เข้าไปแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งชื่นชมการเขียนบทความได้ดีและเก่ง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/5BNYJGYw7aM





















คุณอาจสนใจ