สังคม

“ทนายรัชพล” ยื่นหนังสือถึง กกต. ค้านเอกสารเรืองไกร ปมร้องสอบ “พิธา” - วอนชะลอแจ้งข้อหา ม.151

โดย onjira_n

19 มิ.ย. 2566

169 views

วันนี้ (19 มิ.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลืกตั้ง หรือ กกต. นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. 6 ประเด็น ซึ่งประเด็นหลักคือการนื่นค้านหนังสือของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการยื่นร้องสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลหลายประเด็น สำหรับ 6 ประเด็นที่ทนายรัชพล ยื่นร้อง ประกอบด้วย



1.คัดค้านเอกสารของนายเรื่องไกร ที่ยื่นหนังสือกับทาง กกต.เพื่อร้องสอบนายพิธา ซึ่งทนายรัชพลมองว่าเอกสารหลายอย่างมีความไม่ชัดเจน ไม่มีความน่าเชื่อถือ จึงรวบรวมเอกสารต่างๆ มาให้ทาง กกต.เพื่อตัดเอกสารของนายเรืองไกร ออก พร้อมให้เรียกนายเรืองไกร มาสอบถามว่าเอกสารต่างๆนั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร



ส่วนตัวเอกสารที่ขอให้ตัดออก คือ เรื่องเอกสารบันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 และเอกสารงบการเงิน ซึ่งในเรื่องนี้ตนยังสงสัยเช่นเดียวกันว่า ตัวบันทึกประชุมผู้ถือหุ้นตัวนายเรืองไกรเอง ได้พูดผ่านสื่อด้วยบอกว่า เอกสารเรื่องนี้ต้องมีการรับรองอีก และหากเกิดว่ามีการรับรองแล้วเติมปรับทอน แก้ไข เอกสารดังกล่าว มันก็สามารถทำได้ในการรับรองการประชุม จึงสงสัยว่าเอกสารยังไม่เรียบร้อย ตัวนายเรืองไกรเอง เอามายื่นให้ กกต. สรุปแล้วมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ / ส่วนงบการเงินเองก็มีความขัดแย้งกัน แล้วนำส่ง กกต.ทำไม



2. ขอให้พิจารณาชะลอการแจ้งข้อกล่าวหาตาม  ม.151 จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องถือหุ้นสื่อ ซึ่งตนทราบมาว่าทาง กกต. มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว จึงมองว่าหากผลยังไม่ชัดเจน ศาลยังไม่ตัดสินว่าตกลงแล้วนายพิธา ถือหุ้นหรือไม่ หรือเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ จึงอยากให้ กกต.ชะลอไว้ก่อน เพราะหากไปจับนายพิธา และโทษคดีนี้ 10 ปี สามารถออกหมายจับได้เลย โดยที่ความผิดยังไม่ชัดเจน ตนจึงมองว่าไม่เป็นธรรมกับนายพิธา



3. ขอให้พิจารณาเรียกนายคิมห์ ชี้แจงเอกสารงบการเงิน การประกอบกิจการ iTV ซึ่งมองว่าหากเรียกมาเรื่องนี้จะเกิดความชัดเจน และ กกต.มีการตั้ง คกก.ไต่สวนแล้ว กกต.เอง เป็นเจ้าพนักงาน จึงมีอำนาจสามารถเรียกนายคิมห์ มาให้ชี้แจงได้ เพื่อจะได้รู้ว่าตกลงแล้วเอกสาร งบการเงินของ iTV มีการประกอบกิจการหรือไม่ อย่างไร หรือประกอบกิจการอะไร หรือว่าไม่ได้ประกอบกิจการเลย จะได้รู้ความจริงกันเสียทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอกสารรายงานการประชุม





4. ขอให้พิจารณาขอข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินจาก ป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณาคดี ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์



ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ร้องเรื่องที่ดิน ตนมองว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะว่ามรดกมีอยู่หลายอย่าง ต่อให้มีที่ดินหรือหุ้น ในส่วนของทรัพย์อาจจะแบ่งเป็นสองฝั่ง คือ แบ่งไปแล้วก็สามารถโอนให้คนอื่นได้ และอีกส่วนไหนที่ยังไม่ได้แบ่ง สามารถที่จะรอในการจัดการมรดกได้


5.ในเรื่องเอกสาร ที่มีความไม่ชัดเจน และตัวบันทึกรายงานการประชุม ขัดแย้งกับคลิปเสียงของนายคิมห์ที่พูดในที่ประชุม ซึ่งตนได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ทุ่งสองห้อง / ส่วน กกต. ตนมองว่าน่าจะเป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงอยากขอให้ กกต.พิจารณาเข้าแจ้งความ ในข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อให้มีสำนวนในการสืบสวนสอบสวน และอาจจะได้ข้อมูลมาบางส่วนเพื่อมาประกอบการพิจารณาของ กกต.


6.การพิจารณาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตนอยากให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย

ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการดำเนินคดีเลือกตั้ง พ.ศ. 2562

มาตรา 6 วรรค 3 "กรณีคณะกรรมการมีความเห็นว่า สมาชิกภาพของสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีเหตุสิ้นสุดลง หรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือภายหลังประกาศผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือประกาศผลการเลือก

ชิกวุฒิสภาแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาคนใดผู้ใดไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี เนื่องจาก คุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือก และ

รับเลือกตั้งหรือเป็นผู้ได้รับเลือก ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ"



ทั้งนี้ ทนายรัชพล ระบุว่า คาดหวังว่า กกต.จะนำพิจารณา ส่วนจะนำเกินการตามหรือไม่อาจก้าวล่วงได้ เพราะตนทำในนามประชาชนพลเมืองดี ที่อยากเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับประเทศไทย ไม่ว่าใครก็ตาม



คุณอาจสนใจ

Related News