สังคม

มือมืดสาดกระสุน ยิงป้ายหน้าสนามบินอู่ตะเภาพรุน 54 นัด

โดย nut_p

16 มิ.ย. 2566

84 views

ชาวบ้านขับรถผ่านไปมาบนถนนสุขุมวิทต่างสะดุ้งโหยง เห็นป้ายสนามบินนานาชาติ อู่ตะเภา และป้ายจราจร ถูกยิงจนเป็นรูพรุน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้าตรวจสอบ หวั่นเป็นภัยความมั่นคง



เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.บ้านฉาง พร้อม พ.ต.ท.ศิริ ศิริมี รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.บ้านฉาง  และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบป้ายบอกทาง สนามบินอู่ตะเภา ริมถนนสุขุมวิท หลัก กม.ที่ 191-194 ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ในฝั่งถนนมุ่งหน้าเข้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จุด หน้าสนามยิงปืน และจุดในฝั่งตรงข้าม สอ.รฟ. หลังรับแจ้งว่ามีชาวบ้านประชาชนพบ ป้ายดังกล่าวถูกกระสุนปืนยิงจนเป็นรูพรุน



จากการตรวจสอบพบป้ายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จุดกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองจนเป็นรูโหว่ทะลุออกด้านหลังป้ายนับแล้วรวม 4 รู ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร พบป้ายบอกทาง กลับรถ ชิดขวา ตรงข้ามค่ายทหาร สอ.รฟ.ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองขนาดเดียวกัน พบ ร่องรอยกระสุน รวม 50 นัด จึงบันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน



พ.ต.อ.กุลชาต ผกก.สภ.บ้านฉาง เปิดเผยหลังการตรวจสอบว่า ร่องรอยกระสุนที่พบเป็นคดีเก่าเมื่อปี 2563 ที่ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านฉาง ได้จับกุมผู้กระทำผิดไปแล้ว รวม 3 คน ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม ครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุจนทราบว่าใช้ปืนลูกซองมีปั๊มขนาด 5 นิ้ว ใช้กระสุนลูกซองขนาด 9 โดยมีแขวงการทางระยองเป็นผู้เสียหายจนนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุในฐานความผิดพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนในที่สาธารณะยิงและทำให้เสียทรัพย์ ส่งดำเนินคดีศาลจังหวัดระยอง ตัดสินจำคุก 16 เดือน 2 คน และ 20 เดือน 1 คน ส่วนอาวุธปืนที่ยึดมา ได้ทำถอนจากนายทะเบียนก่อนดำเนินการตามกฎหมาย



พ.ต.ท.ศิริ รอง ผกก.(สืบสวน) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นคาดว่าเป็นร่องรอยกระสุน เก่า ในปี 2563 ที่ได้จับกุมผู้ก่อเหตุมาแล้ว เพราะจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบว่าป้ายทั้งหมดเป็นป้ายอลูมิเนียมแต่โครงสร้างตัวยึดเป็นเหล็ก พบร่องรอยกระสุนที่ถูกส่วนโครงสร้างเกิดเป็นรูสนิมขึ้นมานานแล้ว แต่อย่างไรก็จะทำการ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้แน่ชัดอีกครั้ง



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้ประสานไปยังแขวงการทางระยองให้เข้ามาตรวจสอบเพื่อทำการแก้ไขป้ายดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขับรถผ่านไปมาจะเกิดความตกใจแล้วเกิดกระแสดราม่าในสังคมตามมา

คุณอาจสนใจ

Related News