เลือกตั้งและการเมือง

‘เรืองไกร’ เย้ยคลิปเสียงไร้น้ำหนัก มองเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ลั่นไม่ใช่ 'หมอผี' จะปลุกผีขึ้นมาได้อย่างไร

โดย petchpawee_k

13 มิ.ย. 2566

455 views

“เรืองไกร” เย้ย คลิปเสียงไร้น้ำหนัก มองเป็นความหวังลมๆแล้งๆ ท้าหาหลักฐานมา หลังคนบอกมีขบวนการฟื้นคืนหวังเตะตัดขา ลั่นไม่ใช่หมอผี  จะไปปลุกผีขึ้นมาได้อย่างไร พร้อมเผยหลักฐาน พิธา โอนหุ้นให้น้องชาย-งบการเงินทำธุรกิจสื่อ ระบุ ยังไม่ได้รับเอกสารตีตกคำร้องปมหุ้นสื่อพิธาจาก กกต. เล่า มีคนส่งข่าวขอตีตกก่อน ยันร้องอีกรอบตามสิทธิแน่ หลัง กกต.รับรอง ส.ส. 


จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปวีดิโอบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ITV ประจำปี 2566 ที่ประธานในที่ประชุม ตอบคำถามเกี่ยวกับความเป็นสื่อของบริษัท ย้อนแย้งกับเอกสารรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่เปิดเผยออกมาก่อนแล้วหน้านี้


ล่าสุดวานนี้ (12 มิ.ย.66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ยื่นให้กกต.ตรวจสอบเรื่องหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า


เป็นเรื่องปกติสำหรับเอกสารบันทึกการประชุมที่ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ก็ไปรับรองเอาได้ครั้งหน้า เป็นเรื่องภายในของบริษัท มองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับการร้องกรณีนายพิธา



สำหรับการร้องนายพิธา เอกสารสำคัญคือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น  กับวัตถุประสงค์ของบริษัท มันไม่ใช่คำพูดของผู้ถือหุ้นที่ไปถาม หรือประธานในที่ประชุมตอบ มันจะไปหักล้างในเอกสารไม่ได้ เพราะที่สำคัญตนให้สื่อดูแล้วซึ่งเป็นหลักฐานจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุพิธาโอนหุ้นจำนวน 42,000 หุ้นให้กับนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566



โดยนายเรืองไกร  ระบุว่า เอกสารสำคัญฉบับดังกล่าว  สำคัญตรงหมายเหตุประกอบงบการเงินฉบับย่อย



ที่ออกมาจากฝ่าบัญชี ฝ่ายงบการเงินของบริษัท ไอทีวี และบริษัทย่อย ที่ระบุว่า 24 ก.พ.66 มีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้อง และวันที่ 28 เม.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา ซึ่งเพียงแค่นี้ก็ชัดแล้วว่า “ทำธุรกิจสื่อ”



นายเรืองไกร ระบุว่า คลิปวีดิโอบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ITV ประจำปี 2566  ไม่มีน้ำหนักอะไรเลย และไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ร้องเลย เพราะข้อกฎหมายเขียนชัดว่าผู้สมัคร ส.ส. ต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้น ในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสิ่งพิมพ์ใดๆ เขาไม่ได้บอกว่าตามที่บันทึกการประชุม แบบนี้ไม่มี ดังนั้น การเขียนแบบนี้เวลาตรวจพยานหลักฐานประกอบข้อกฎหมาย คำว่าเป็นผู้ถือหุ้น คือ มมจ.006 ซึ่งคัดมาจากทะเบียนผู้ถือหุ้น


อีกอย่างคือต้องไปดูวัตถุประสงค์การจดทั้งหมด 45 ข้อ ว่า มีการทำสื่อต่างๆ แต่ไม่มีคำว่า สื่อ ITV แต่จะเขียนเป็นคำโซ่ตาย ทำสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ โฆษณา ฯลฯ ตามคำร้อง  แล้วทีนี้ต้องดูอีกว่ามีรายได้หรือไม่


ทั้งนี้ กรณีของ  ITV ณ วันรับสมัคร 4 เม.ย.66 นายพิธา ยังมีการถือครองหุ้นอยู่ และกิจการเขียนวัตถุประสงค์ว่ามีกิจการสื่อแขนงต่างๆ และไตรมาสงบ มี.ค.66 บอกว่ามีรายแล้วด้วย ซึ่งตรงนี้ก็จบประเด็นแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่การแก้ต่าง ซึ่งยืนยันว่า ตนไม่จำเป็นต้องยกเอกสารบันทึกการประชุมมาเกี่ยวด้วยเลย



นายเรืองไกร ยังย้ำว่า ในคำร้องของตนไม่ได้ใช้รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย และบอกว่าผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องคลิปและบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นว่า ขอให้ไปอ่านบันทึกการประชุมย้อนหลังสัก 10 ปี จะเห็นได้ว่าบริษัทไอทีวียังมีเจตนาจะทำสื่อเหมือนเดิม "ตอนนี้ เห็นเปลือก เห็นกระพี้ นึกว่าเป็นแก่น"



 ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ไล่เรียงไทม์ไลน์ว่า หมายเหตุบอกว่า 24 ก.พ.66 มีการทำสื่อ  ส่วนยุบสภาคือช่วง 20 มี.ค.66 แล้วบริษัทจะรู้หรือไม่ว่านายกฯ จะยุบสภาหรือไม่ยุบ คำตอบคือเขาไม่รู้  เมื่อยุบสภาเสร็จ มีการกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง 3-7 เม.ย.66 ซึ่งก็มีการทำธุรกิจ ก่อนที่จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น 26 เม.ย.66 ที่อ้างว่างจดถูกจดผิดจรเกิดประเด็น


ซึ่งวันนี้ยังไมเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งทั่วไปเลย คำถามคือจะรู้ไหมว่านายพิธา จะได้รับเลือกตั้ง และได้ ส.ส.151 คน กว่า 14 ล้านเสียงและอยู่บัญชีนายกฯ มีใครรู้ไหม เรืองไกรรู้ไหม หรือคนที่ถูกกล่าวหาเคยอยู่ด้วยแล้วย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเขารู้หรือไม่ 


แล้วเขาจะไปตั้งธุรกิจเพื่อมาสะกัด เพราะว่านายพิธาจะมาเป็นนายกฯ ซึ่งตรงนี้นายเรืองไกร บอกว่า คุณคิดเอาแต่ได้ ซึ่งตอนนั้นใครๆเขาก็คิดว่าเพื่อไทยแลนสไลด์ ไม่นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ แล้วทำไมถึงไม่มีหุ้นสื่อของทั้งสองคนนี้


นายเรืองไกร ฝากถามนายพิธา ง่ายๆ เลยว่า ในวันที่ยื่นบัญชี ต่อ ป.ป.ช.ทำไมไม่ชี้แจงหุ้น ITV ไว้ด้วย ถ้าไม่แจง คนก็ไม่เห็นว่าถืออยู่ ถ้าเห็นก็ร้องไปตั้งแต่ปี 62 แล้ว  จากนั้นแก้ต่างว่ายื่นเพิ่มเติม แล้วถามอีกว่ายื่นเมื่อไหร่ วัน เวลา ก็ไม่บอก  เลขาฯ ป.ป.ช. ก็ไม่บอก  ซึ่งประเด็นนี้ตนอยากถามว่าเก็บไว้ทำไม หรือเพราะเห็นว่าคนนั้นคนนี้โดนแล้วกลัวว่าจะโดน หรือเพราะเห็นศาลฎีกาปลดผู้สมัครไป 12 คดี ใช่หรือไม่



ทั้งหมดทั้งมวล ก็จะมาเอวังด้วยประการฉะนี้แหละว่า ฝ่ายกฎหมายดูแล้วไม่มีปัญหา ถ้าไม่มีปัญหา คำถามคือแล้วทำไมถึงไม่แจ้งตั้งแต่แรก ถ้าแจ้งก็จะมีคนตรวจว่า ถือหุ้น ITV ผิดหรือไม่  จึงเป็นที่มาให้ตนไปร้อง ว่ามีจริงหรือไม่ เมื่อร้องแล้วก็มาบอกว่าจะไปปลุกผี ITV แล้วมันไปเกี่ยวอะไร



เมื่อถามย้ำว่า สิ่งที่กล่าวมาหมายความว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่าไม่มีขบวนการฟื้นคืน ITV เพื่อเตะตัดขาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า “ผมไม่ยืนยันหรอก   แต่ถ้าคุณยืนยัน คุณพูดว่ากระบวนการ คุณก็หาหลักฐานมากล่าวมาผมไป เอาคนที่บอกว่าผมมีกระบวนการนั่นนี่ ให้หาหลักฐานมาเลย คุณพูดลอยๆคุณจะมีความน่าเชื่อถืออะไร คุณเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย คนจะทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาพูดจาไม่มีหลักฐานพูดจาลอยลมไปมาแบบนี้หรอ”



นายเรืองไกร ยังบอกอีกว่า การคุณกล่าวหา กล่าวหาได้ แต่ต้องว่าตามพยานหลักฐาน ผมเป็นพ่อมดหมอผีที่ไหน จะไปปลุกผีขึ้นมาได้ ถ้าตนทำอย่างนั้นเล่นหวยรวยไปทุกงวดแล้ว



ส่วนกรณีที่ตัวนายเรืองไกรบอกว่า คลิปหลักฐานดังกล่าวไร้น้ำหนัก แต่ว่าทางพรรคก้าวไกล คือนายชัชธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคออกมาบอกว่า ยังมีเอกสารอีกหลายชิ้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องข้อสงสัยการสร้างเอกสารเท็จ “โจทก์ก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องหาก็อาจจะโจทก์ได้” 


ประเด็นนี้ นายเรืองไกร บอกว่า ใครเป็นโจทก์ ใครเป็นผู้ต้องหา เขามีแต่ผู้ร้องกับหน่วยงานที่ตรวจสอบ ใช้ภาษายังเพี้ยนไปเพี้ยนมา พร้อมบอกว่า ให้อธิบายให้มันตรง แล้วเรื่องหุ้นสมัยก่อนยังมานั่งทำกับผมอยู่ไม่ใช่เหรอ



เมื่อถามว่าหลายคนแสดงท่าทีดีใจและรู้สึกมีความหวัง เมื่อเห็นคลิปหลักฐานชิ้นนี้ นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เป็นไร หวังลมๆแล้งๆ ก็ให้เขาหวังไป



ส่วนกรณีที่ กกต. ตีตกคำร้องปมหุ้นสื่อของนายพิธา ได้รับแจ้งแล้วหรือไม่ นายเรืองไกร ระบุว่า หนังสือแจ้งยังไม่มา แต่ก่อนตีตกมีคนส่งข่าวมาก่อนว่าตีตกไปก่อนนะ แต่จะร้องใหม่ก็ได้หลัง กกต.รับรอง ส.ส.  เมื่อถามว่าเมื่อได้รับเอกสารว่ามีการตีตก และ กกต.รับรอง ส.ส. จะยื่นอีกรอบใช่หรือไม่ นายเรืองไกร บอกว่า ใช่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ให้สิทธิอยู่แล้ว



ส่วนกรณีที่นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ยื่นคำร้องต่อกกต.เพื่อขอให้สอบข้อเท็จจริงกรณีคำร้องของนายเรืองไกร ที่ยื่นร้องเรียนหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ให้ กกต. สอบไปตามกระบวนการ ยืนยันไม่มีความกังวลใดๆ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “พวกที่ไม่ราคาแบบนี้ ผมไม่สนใจหรอก”



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/NoaHP-NG4uA

คุณอาจสนใจ

Related News