'เรืองไกร' จี้ ป.ป.ช. เอาผิด 44 สส.ก้าวไกล ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ - ป.ป.ช. แจง มีกรอบเวลาตรวจสอบ 2 ปี

ความเคลื่อนไหวหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกล ผิดตามคำร้องเรื่องการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่งยุติการกระทำ ล่าสุดมีผู้ออกมาเร่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการกับ 44 ส.ส.ก้าวไกลที่เสนอแก้ มาตรา 112 ตามที่มีผู้ไปยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. ไว้แล้ว



นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน มีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่



นายเรืองไกร ได้ยกกรณีที่เคยยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เมื่อเดือนกันยายน 2564 ให้ตรวจสอบ 44 สส.พรรคก้าวไกล กรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อแก้ไขมาตรา 112 เมื่อเดือนมีนาคม 2564



ซึ่งครั้งนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ชี้แจงกลับมาในปี 2565 โดยสรุป ว่า เนื่องจากร่างแก้ไขดังกล่าว ยังไม่ได้รับอนุญาตให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ จึงยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย และกรณีการร่างรัฐธรรมนูญที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ไม่พบว่ารัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ มีการกำหนดบทลงโทษผู้เสนอร่างกฎหมาย ไว้เป็นการเฉพาะ



แต่จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา จึงขอให้ ป.ป.ช.นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบ 44 สส.พรรคก้าวไกล อีกครั้ง



ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยกับทีมข่าวการเมืองถึงแนวการพิจารณาของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ 44 สส.พรรคก้าวไกลที่เสนอแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า จะต้องแยกพิจารณาเป็นรายบุคคล ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกับการเสนอแก้กฎหมายอย่างไร รวมถึงต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่น ๆ ประกอบด้วย ไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด



ทั้งนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลาทำเรื่องนี้นานเท่าใด แต่ ป.ป.ช. มีกรอบระยะเวลา ต้องการดำเนินการให้เสร็จภายในไม่เกิน 2 ปี



จนถึงขณะนี้ หลังวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา นายพิธา และพรรคก้าวไกลถูกยื่นเรื่องต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งผ่าน กกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค และผ่าน ปปช.เพื่อส่งศาลพิจารณาเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงไม่น้อยกว่า 4 เรื่อง